บุรีรัมย์ – เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 กรณีที่ น.ส.ส้ม (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี และนางบี (นามสมมุติ) อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นแม่น้องส้ม ได้ร้องเรียนผ่านสื่อว่า ร้านขายเครื่องสำอางแห่งหนึ่งในตัวเมืองบุรีรัมย์ ได้คิดราคาสินค้าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์จากราคาป้าย หลังจากใช้โครงการคนละครึ่ง ทำให้เกิดข้อสงสัยในความโปร่งใสและเกิดการตั้งคำถามว่าเป็นการเอาเปรียบลูกค้าหรือไม่

ตามคำชี้แจงของ น.ส.ส้ม ระบุว่า เมื่อแรกซื้อลูกค้าจ่ายเงินสดจำนวน 100 บาท ได้รับบิล 100 บาทตามปกติ แต่เมื่อเลือกใช้โครงการคนละครึ่งยอดซื้อรวม 366 บาท กลับมีบิลออกมา 391.62 บาท ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นคือการคิด VAT เพิ่มอีก 7 เปอร์เซ็นต์จากราคาสินค้า ส่งผลให้ลูกค้ารู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ

ล่าสุด น.ส.กัญญ์วรัชญ์ แววแสงรัตน์ อายุ 35 ปี เจ้าของร้าน "คิ้วตี้เฮ้าส์" ซึ่งตั้งอยู่ในเขตตัวเมืองบุรีรัมย์ ได้ออกมายอมรับว่ามีการปรับราคาสินค้าขึ้น 7 เปอร์เซ็นต์จริง โดยชี้แจงว่า การคิด VAT เพิ่มนั้นเป็นผลมาจากการที่ร้านของตนต้องยื่นภาษีแบบ VAT กับสรรพากรทุกเดือน ต่างจากร้านอื่นที่อาจเสียภาษีแบบเหมาจ่าย

เจ้าของร้านยังกล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการคนละครึ่งทำให้ร้านมียอดขายเพิ่มขึ้น แต่สินค้าต้องลดราคาแข่งขันกับร้านอื่นๆ จึงจำเป็นต้องปรับ VAT เพื่อให้สามารถเก็บภาษีได้ตามระบบทำให้บิลที่ออกมามีราคาสูงขึ้น 7 เปอร์เซ็นต์ และเจ้าของร้านยืนยันว่า จะติดป้ายแสดงข้อความแจ้งให้ลูกค้าเข้าใจถึงการจ่ายภาษีนี้อย่างชัดเจน และพร้อมให้สรรพากรเข้ามาตรวจสอบ

น.ส.กัญญ์วรัชญ์ ยังฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ควรประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับการจ่ายภาษีให้ประชาชนเข้าใจอย่างถูกต้อง เพราะแม้แต่ผู้ประกอบการเองยังมีความเข้าใจไม่ครบถ้วนเกี่ยวกับเรื่องนี้