ภูมิภาค
"หลวงพี่น้ำฝน" รุดช่วยอดีตอาจารย์โรงเรียนดังหมดตัว สามีเสียชีวิต ลูกชายคนเล็กป่วยติดเตียงทำครอบครับทรุด
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
วันที่ 12 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมพระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม นำคณะสงฆ์เจ้าหน้าที่วัดไผ่ล้อมฯ และ Mr.Huang Wei Chia ,Miss Hsu Pi Hsun ,Miss LAI MEI LING ศิษยานุศิษย์นักธุรกิจชาวใต้หวันนำเตียงสำหรับผู้ป่วย รถวีลแชร์ ข้าวสารอาหารแห้ง และเครื่องยังชีพ และปัจจัยไปมอบให้กับนางชุลีพร เรืองวงษ์ อายุ 87 ปี อดีตอาจารย์โรงเรียนชื่อดังในจังหวัดนครปฐม บ้านเลขที่ 56 / 241 หมู่บ้านร่มฟ้า ซอย 8 หมู่ 5 ตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม หลังจากที่ได้เข้าไปร้องขอความช่วยเหลือในการรับมอบเตียงสำหรับผู้ป่วย ให้กับ บุตรชาย ที่มีอาการป่วยเป็นโรคสโตรก ต้องนอนติดเตียงหลายเดือน โดยยังแจ้งว่าขณะนี้เงินใช้จ่ายในครัวเหลือได้หมดลงแล้วหมดหนทาง ที่จะดำเนินชีวิตต่อไปโดยได้ถูกตัดไฟไปแล้ว และยังมีปัญหาชีวิตอีกหลายอย่าง ซึ่งเป็นอุปสรรคในบั้นปลายชีวิต จนเกือบสินใจจบชีวิตตัวเองพร้อมลูกที่นอนป่วย
โดยภายในบ้านได้มีอยู่ในครอบครัวทั้งหมด 5 ซึ่งมีนาย พัสกร ปิญชาน์เมธี อายุ 61 ปี บุตรชายคนสุดท้องของอาจารย์ชรีพร นอนติดเตียงเพื่อรอกรฟื้นตัว อยู่เมื่อเห็นหลวงพี่น้ำฝน ได้นำสิ่งของและปัจจัยมาช่วยถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ ซึ่งทีมงานได้มีการจัดเตรียมเตียงชุดใหม่ทดแทนของเดิมที่ชำรุดแล้ว และนำเงินปัจจัยมอบให้กับครอบครัวเนื่องจากจะต้องนำไปชำระค่าไฟที่ติดค้างไว้สองเดือน เงิน 6,000 กว่าบาท พร้อมช่วยกันปรับสถานที่สำหรับดูแลนายวิวัฒน์ ที่ยังช่วยตัวเองไม่ได้ให้มีโอกาสกลับมาดูแลตัวเองเบื้องต้นได้ โดยมีภรรยาและบุตรชาย อีก 2 คน คอยให้การช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
อาจารย์ชุลีพร บอกว่าตนเองเป็นอดีตอาจารย์ระดับซี 8 ซึ่งสามีได้เสียชีวิตไปก่อนเป็นอาจารย์ระดับซี 9 และเป็นอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนระดับประถมชื่อดังในตัวเมืองนครปฐม ก่อนหน้าชีวิตก็มีความสุขสบายแบบครอบครัวข้าราชการระดับสูง มีรายได้มากที่จะเลี้ยงดูลูกทั้ง 3 คนเป็นอย่างดี แต่ลูกชายคนโตซึ่งเป็นอดีตข้าราชการสังกัดเขตพื้นที่การศึกษาได้มาเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน ต่อมาลูกสาวคนกลางก็มาเสียชีวิตด้วยโรครุมเร้าหลายโรค และล่าสุดเมื่อประมาณเดือนเมษายน ปีพ.ศ. 2567 นายพัสกร ก็ได้เกิดอาการสโตรก ต้องนอนรักษาตัวในห้องไอซียูนานกว่าหนึ่งเดือน และพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งเดือน ก่อนจะไปรับงานให้กลับมาพักฟื้นที่บ้านพัก
อาจารย์ชุลีพร บอกต่อว่า จากชีวิตที่เคยสุขสบายมีครบทุกสิ่งทุกอย่างแต่วันนี้ทรัพย์สินในบ้าน แม้กระทั่งเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นไม้สัก หลายชุดและเตียงนอน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และของพอจะขายได้ ได้ถูกทยอยขายออกไปจนหมดแล้ว เพื่อนำมาจุนเจือในครอบครัว ซึ่งตอนนี้ตนเองมีรายได้จากเงินบำนาญ ประมาณ 1.8 หมื่นบาท แต่ต้องนำไปหักค่าฌาปนกิจ และส่งบ้านที่ลูกชายคนเล็กนำไปจำนองแต่ประสบปัญหาขาดทุนทุกกิจการ อีก 1.3 ล้านบาท ทำให้เหลือเงินที่จะใช้จ่ายในครัวเรือน 5 ชีวิต เพียง 7,500 บาท แล้วยังต้องนำไปจ่ายค่ารถสำหรับนำ นายพัสกร ลูกชายคนเล็กไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลครั้งละเกือบ 2,000 บาท ซึ่งเดือนนึงก็อาจจะต้องไปถึง2-3 ครั้ง ทำให้เงินแทบจะไม่มีติดบ้าน มีความเดือดร้อนมากจนกระทั่งเมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าได้มาทำการยกหม้อไฟออกและต่อสายตรง โดยบอกว่าจะให้เวลาอีกไม่เกิน3-4 วัน ก็จะมีการตัดไฟอย่างถาวร ซึ่งคิดว่ามาถึงทางตันของชีวิตแล้ว
"ตอนแรกเราก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครพอดีมีอดีตครูที่เคยทำงานอยู่ด้วยกัน อยู่บ้านถัดไปไม่กี่หลังได้เดินมาบอกว่าลองให้มาติดต่อกับหลวงพี่น้ำฝน เนื่องจากมีโครงการ แจกเตียง และช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนอยู่น่าจะพอให้ความช่วยเหลือได้ จึงได้ให้รถตุ๊กตุ๊กที่เคยใช้บริการมาตั้งแต่ยังพอมีฐานะ พาไปส่งแต่บอกว่าไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท อยากจะขอติดไว้ก่อน เผื่อจะได้ไปถึงวัดไผ่ล้อมแล้วเผื่อจะได้รับการช่วยเหลืออะไรมาบ้าง เมื่อมาถึงได้พบหลวงพี่ท่านก็ได้เล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมด ท่านก็บอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนเดี๋ยวจะรีบมาช่วยเหลือ และท่านก็มาถึงบ้านทันทีและเข้าการช่วยเหลือมาให้จริงๆ ตนเองซาบซึ้ง และไม่รู้จะขอบคุณอย่างไร เพราะไม่คิดว่าจะได้รับการช่วยเหลือเยอะและรวดเร็วขนาดนี้ต้องกราบขอบพระคุณและทีมงานมากๆที่ต้องทอดทิ้งเพราะเราก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร" อาจารย์ชุลีพร กล่าว
อาจารย์ชุลีพร บอกอีกว่า หลายครั้งที่ต้องแอบร้องไห้ไม่ให้ลูกสะใภ้ กับหลานนทั้ง 2 คนเห็น เพราะกลัวว่าเค้าจะเครียดเราไม่เคยประสบปัญหาแบบนี้มาก่อน เคยคิดจะตัดสินใจฆ่าตัวตายไปพร้อมกับลูกชาย แต่เมื่อหันมามองคนในบ้านก็คิดว่าเราตายไม่ได้จะขออยู่สู้จนกว่าหลานๆจะตั้งหลักและมีรายได้มาพยุงครอบครัวรวมถึงใช้หนี้สินทั้งหมด เราขอเพียงแค่นี้ในช่วงบั้นของปลายชีวิตถ้าเป็นไปได้ก็จะขอนอนตายตาหลับแล้ว เมื่อก่อนเคยมีคนบอกว่าบ้านเราค่อนข้างหลังใหญ่ไม่น่าเชื่อว่าจะมาตกอับได้ แต่สุดท้ายความลำบากก็มาเกิดขึ้นมาในชีวิตโดยที่เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุนี้ และลูกชายคนเล็กนอนติดเตียงก็เป็นคนที่ไม่เกเรตั้งไจทำงาน แต่การกู้เงินไปลงทุนทำสวนลำไยที่จังหวัดจันทบุรีก็สูญเงินไปมาก หลังจากนั้นเขาก็กู้อีกครั้งโดยเอาบ้านหลังที่อาศัยอยู่ไม่เข้าธนาคารก็มา ขาดทุนอีกครั้งหนึ่งกับการเลี้ยงกุ้ง ทำให้เป็นหนี้พอกพูน เราก็ไม่คิดว่าปัญหาจะหนักหน่วงขนาดจะไม่มีข้าวกิน ทุกวันนี้ ตนเองจะยอมอดข้าวทานเพียงมื้อเดียว ส่วนลูกสะใภ้และหลานก็จะลดมื้ออาหารรับประทานจาก 3 มื้อก็จะเหลือวันละหนึ่ง เพื่อประทังชีวิตผักก็เอาจากที่ปลูกหลักบ้านมาทำเป็นข้าวต้ม เพื่อจะได้มีให้ทานได้เยอะขึ้น
ด้าน นายชนาธิป อายุ 33 ปี ลูกชายของนายพัสกร ผู้ป่วยติดเตียง บอกว่า เดิมทีคุณพ่อยังทำธุรกิจก็ยังมีรายได้มั่นคง ซึ่งตนเองหลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ก็ได้มาช่วยงานที่ฟาร์มกุ้ง ซึ่งพอเริ่มทำได้ก็มาถึงช่วงเวลาของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด19 บ่อกุ้งก็มาขาดทุน ซึ่งเงินก้อนนี้คุณพ่อได้เอาบ้านที่อยู่ไปเข้าธนาคาร รวมกับยอดแรกที่เอาไปลงทุนสวนลำใย ยอดก็เป็นล้าน ซึ่งพอมาป่วย ผมและน้องชายก็ได้ออกไปทำงานเองหาเงินเพื่อหาเลี้ยงชีพ ทั้งร้านสะดวกซื้อ และบริษัทเอกชน แต่พอคุณพ่อมาป่วย ผมก็ลาออกมาช่วยดูแล และคิดว่าหนี้สินเรามีมากจึงได้หาโอกาสที่จะไปทำงานที่เกาหลี โดยได้ลงทะเบียนไปที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพราะเงินเดือนได้มากกว่าที่อยู่ในประเทศไว้แล้ว จึงได้เอาเงินเก็บจากที่ทำงานไว้จากการทำงานไปเรียนภาษาเกาหลีพร้อมกับน้องชาย และตอนนี้ผ่านการทดสอบด้านภาษาแล้ว รวมถึงผ่านการทดลอบเบื้องต้นของหน่วยงาน จึงอยากจะให้นายจ้าง ที่เกาหลี มาคัดเลือกตนเองและน้องชายไปทำงาน เพื่อจะสร้างชีวิตใหม่อีกครั้ง เนื่องจากหากทำงานนประเทศเงินเดือนน่าจะไม่พอดูแลครอบครัวที่เป็นหนี้สินได้ แต่ตอนนี้ระหว่างรองานจากต่างประเทศ ก็อยากจะได้งานเพื่อหารายได้มาดูแลครอบครัว ไปพรางๆก่อนและตอนนี้ได้ไปสมัครงานที่ร้านสะดวกซื้อแถวหน้าหมู่บ้านไว้ เนื่องจากไม่มีรถแล้วก็น่าจะเดินไปทำงานได้สะดวก แต่คิวก็ยังเต็ม ซึ่งจะพยายามหางานต่อไป
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า หลังจากที่ อาจารย์ชุลีพร ได้มาพบที่วัดพอฟังเรื่องราวแล้วถือว่าน่าเห็นใจจึงต้องรีบมา ซึ่งพอใครมาเห็นว่าบ้านหลังใหญ่ คิดว่าน่าจะมีเงินมากแต่ความเป็นจริงชะตาชีวิตก็เปลี่ยนไป ซึ่งตามหลักธรรมคือมีอะไรแน่นอน การมีสติจึงสำคัญที่สุด วันนี้ทราบว่าเตียงของลูกชายเสียหายก็นำมาเปลี่ยนให้ พร้อมกับรถวีลแชร์ ซึ่งก็ได้มอบปัจจัยให้ไปจ่ายค่าไฟฟ้ากับสำรองยังชีพ และลูกศิษย์ชาวใต้หวันก็ได้มาเห็นการทำงานในโครงการธนาคารแห่งกำลังใจ ก็ได้ช่วยเหลืออีกทางหนึ่ง โดยจากนี้จะได้ประสานส่วนที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือส่วนต่างๆ ที่ทำได้ต่อไปและขอให้กำลังใจกับโยมให้สู้ชีวิตให้ได้
ขณะที่ พ.ท.ดร.สินธพ แก้วพิจิตร (เสธ.แก้ว) ส.ส.นครปฐม เขต 2 ได้ทราบเรื่องดังกล่าวซึ่งตอนนี้ได้มีการเตรียมประสานหางานให้กับลูกชายของผู้ป่วยติดเตียงทั้ง 2 คนเพื่อนำรายได้มาประคับประคองครอบครัวนี้ซึ่งมีอยู่ถึง 5 ชีวิต ให้ช่วยพยุงสถานการณ์ในการหารายได้ยังชีพไปเบื้องต้นก่อนคาดว่าน่าจะมีงานเข้ามาได้อีกไม่นาน
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » ภูมิภาค
Top 5 ข่าวภูมิภาค
![]()
- ขอนแก่นจัดหนัก! ร้านธงฟ้าฝ่าฝืนแลกเงินสดบัตรสวัสดิการฯ สั่งถอนสิทธิ์ทันที 13 พ.ย. 2568
- "หลวงพี่น้ำฝน" รุดช่วยอดีตอาจารย์โรงเรียนดังหมดตัว สามีเสียชีวิต ลูกชายคนเล็กป่วยติดเตียงทำครอบครับทรุด 13 พ.ย. 2568
- ตม.ขอนแก่นจับหนุ่มจีนหนีคดีฉ้อโกงข้ามชาติ! 13 พ.ย. 2568
- สลด! พ่อเฒ่าวัย 89 เครียดป่วย คิดสั้นผูกคอลาโลก 13 พ.ย. 2568
- ชาวนาอุดรเศร้า! ฝนหลงฤดูท่วมข้าวเปลือก 13 พ.ย. 2568
ข่าวในหมวดภูมิภาค
![]()
มิสแกรนด์ศรีสะเกษปี 2026 ลงพื้นที่จริง สะท้อนปัญหาชายแดน–โปรโมตของดีศรีสะเกษ 22:20 น.- ผบช.ภ.1 ลงพื้นที่ผักไห่ มอบนโยบายตำรวจช่วยประชาชนสู้วิกฤตน้ำท่วม 22:12 น.
- “ไอ้งาเดียว” ช้างป่าเขาอ่างฤาไน นำทีมบุกกินข้าวชาวบ้านกบินทร์บุรี 22:05 น.
- ระทึก! ตาวัย 69 หลงป่า ขาติดซาเล้ง 24 ชม. ชาวบ้านช่วยทัน 21:49 น.
- สนามเลือกตั้งปราจีนฯขยับ เพื่อไทยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.แล้ว 2 เขต พร้อมเปิดศูนย์ประสานงานพรรค 19:44 น.



