วันอาทิตย์ ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2568 01:59 น.

ภูมิภาค

ระทึก! เก๋งชนช้างป่ากลางดึกรถพังยับโชคดีไร้คนเจ็บ

วันเสาร์ ที่ 06 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 11.40 น.

วันที่ 6 ธ.ค.68 เพจเฟชบุ๊ค  "ศูนย์ข่าวทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  (อัจจิมา สำเภาเงิน ) โพสต์ภาพรถเก๋งชนช้างป่าสภาพห้าหม้อรถเก๋งพังยุบเข้าหาตัวรถเสียหายยับเยิน  พร้อมข้อความระบุว่า รถเก๋งชนช้างป่ากลางดึก! พังยับบนถนนชลบุรี โชคดีไร้คนเจ็บ เหตุการณ์สุดระทึก! รถยนต์โตโยต้า ยาริส สีส้ม ชนช้างป่าบนถนนสาย 344 (บ้านบึง-แกลง) กลางดึก หลังช้างวิ่งตัดหน้ารถกะทันหัน ส่งผลให้รถพังยับไม่สามารถขับต่อได้ แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 20.12 น. รถยนต์โตโยต้า ยาริส ทะเบียนจันทบุรี กำลังขับรถพาครอบครัวทั้งหมด 5 คน เดินทางกลับบ้านที่อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ขณะผ่านบริเวณกิโลเมตรที่ 39 ขาเข้าอำเภอแกลง บ้านห้วยมะระ ตำบลหนองเสือช้าง อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี จู่ๆ ช้างป่าตัวหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถอย่างกะทันหัน ทำให้ผู้ขับขี่เบรกไม่ทัน เกิดการชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วชุดที่ 4 และ 27 ร่วมกับอาสาสมัคร พบว่ารถยนต์ได้รับความเสียหายด้านหน้าพังยับจนไม่สามารถขับเคลื่อนต่อได้ อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารทั้ง 5 คนไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ได้ประสานงานกับสถานีตำรวจภูธรหนองใหญ่เพื่อจัดส่งรถยกออกจากที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบร่องรอยช้างเดินลงสู่ป่าหญ้าข้างทาง มุ่งหน้ากลับมาทางอำเภอหนองใหญ่ โดยไม่พบร่องรอยการลากขาหรือบาดเจ็บใดๆ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการติดตามช้างตัวดังกล่าวเพื่อประเมินอาการต่อไป บริเวณที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนประมาณ 48 กิโลเมตร

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม  สำหรับปัญหาช้างป่าออกนอกผืนป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา (ป่าลุ่มต่ำผืนสุดท้ายของไทยในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา จ.สระแก้ว จ.จันทบุรี จ.ระยอง จ.ชลบุรี) พบออกนอกผืนป่าตลอดทั้งปี มากที่สุดช่วงหน้าแล้ง ปัญหาจากจำนวนประชากรช้างป่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สัตว์ป่าขาดแคลนอาหารแหล่งที่อยู่อาศัยจำกัดไม่เพียงพอ  โดยออกนอกรอบผืนป่า 5 จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา จ.สระแก้ว จ.จันทบุรี จ.ระยอง จ.ชลบุรี และ จ.ปราจีนบุรี

มีผลกระทบระหว่าง คน กับช้างป่าหลากหลายปัญหา ทั้งลำลายที่พักอาศัย กัดกินผลผลิตทางการเกษตร ทำร้ายคน-เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ช้างป่า ถูกยิง ถูกไฟฟ้าช๊อต ถูกรถชนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต  ฯลฯ

ล่าสุด กรมอุทยานฯ เตรียมความพร้อม! แผนศึกษาให้วัคซีนคุมกำเนิดช้างป่า พื้นที่ป่าตะวันออก  ด้วยการอำนวยการของนายสุขี บุญสร้าง ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ศูนย์ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสัตว์ป่า โดย นายเจริญชัย โตไธสง ผู้อำนวยการศูนย์ฯ ได้จัดประชุมคณะทำงานให้วัคซีนคุมกำเนิดในช้างป่ากลุ่มป่าตะวันออก ครั้งที่ 2/2568 ร่วมกับ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเคยดำเนินโครงการนำร่องวัคซีนคุมกำเนิดระยะยาวในช้างป่าเอเชีย หารือเพื่อเตรียมความพร้อมแนวทางและวิธีการสำหรับการให้วัคซีนคุมกำเนิดในช้างป่า

ตามโครงการศึกษาการให้วัคซีนคุมกำเนิดระยะยาวในช้างป่า กลุ่มป่าตะวันออก ที่จะใช้วัคซีนที่คงเหลือจำนวน 18 โดส จากโครงการนำร่องฯ ทดสอบในช้างป่ากลุ่มป่าตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากช้างป่า เพื่อรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านก่อนพิจารณาเลือกวิธีการใดๆ เพื่อควบคุมการเพิ่มขึ้นของประชากรช้างป่าในอนาคตต่อไป โดยช้างป่าที่จะดำเนินการให้วัคซีนคุมกำเนิดจะเป็นช้างป่าเพศเมียเต็มวัย ที่เคยให้ลูกแล้ว หากินและอาศัยอยู่นอกพื้นที่ป่าซึ่งสร้างผลกระทบต่อราษฎรในพื้นที่

ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีการหารือในประเด็น การเลือกกลุ่มช้างเป้าหมายและการกำหนดอัตลักษณ์ช้างป่า ซึ่งที่ประชุมได้เสนอฝูงช้างป่าที่มีลักษณะตรงตามคุณสมบัติ จำนวน 3 ฝูง ได้แก่ ฝูงช้างป่าในพื้นที่อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา ฝูงช้างป่าในพื้นที่อำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี และฝูงช้างป่าในพื้นที่ อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด รวมถึงประเด็นการเก็บรักษาและการใช้วัคซีนคุมกำเนิด การเตรียมบุคลากรและอุปกรณ์การพิจารณารูปแบบและวิธีการให้วัคซีนคุมกำเนิด และการเก็บข้อมูลภายหลังการให้วัคซีน

หลังจากนี้ศูนย์ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสัตว์ป่า จะสรุปข้อมูลจากกการประชุมหารือเสนอต่อคณะกรรมการอำนวยการให้วัคซีนคุมกำเนิดในช้างป่ากลุ่มป่าตะวันออก และคณะกรรมการกำหนดแผนงานการให้วัคซีนคุมกำเนิดช้างป่าเพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเริ่มให้วัคซีนได้ภายใน 1 – 2 เดือนหลังจากนี้

***เครดิต : เพจเฟชบุ๊ค  "ศูนย์ข่าวทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  (อัจจิมา สำเภาเงิน )***

หน้าแรก » ภูมิภาค