♦♦ รายงานตัววันนี้...แม้จะไม่ถึงขั้นเป็นประเด็น "ทอล์คออฟ เดอะทาวน์" ทางสังคมทั่วไป แต่บันทึกข้อความที่ "บิ๊กต่าย"พล.ต.ต.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบช.สกพ.ปฎิบัติราชการแทน ผบช.สกพ. ส่งถึง "บิ๊กเบิ้ม"พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผบช.รร.นรต. เรื่องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อนุมัติแนวทางการสรรหาและผลิต กำลังพลในส่วนของนักเรียนนายร้อยตำรวจ และนักเรียนเตรียมทหาร ประจำปีการศึกษา 2562 ที่เนื้อหาสำคัญ คือ "ให้ยกเลิกการรับบุคคลภายนอกเพศหญิง เข้าเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ โดยให้รับบุคคลภายนอกเพศชาย ผู้จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หรือเทียบเท่า เข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของนักเรียนนายร้อยตำรวจ จำนวน 280 อัตราเท่านั้น" ก็กลายเป็นประเด็นเมาธ์ในแวดวง "สีกากี" กันอย่างกว้างขวาง ๐

 

 

 

♦♦ ยิ่งเมื่อ เพจ "พนักงานสอบสวนหญิง" นำบันทึกข้อความดังกล่าวมาโพสต์ พร้อมข้อความระบุ “จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ นรต.หญิง จะมีเพียง 10 รุ่นเท่านั้น รุ่น 66-75 ถือเป็นเกียรติประวัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ครั้งหนึ่งเคยมี นักเรียนนายร้อยตำรวจหญิง” ทำให้เกือบ 50 คอมเมนต์ที่ปรากฎส่วนใหญ่ต่างแสดงความเห็น "เสียดาย" และบางรายเสียใจ เพราะเตรียมตัวอ่านหนังสือและติวเข้มมาเพื่ออยากเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิง รวมทั้งบางรายยังยกความจำเป็น อาทิ "คดีเกี่ยวกับเพศเกิดขึ้นเยอะมากในปัจจุบัน ไม่นับที่มาไม่ถึงตำรวจ ซึ่ง พงส.หญิงเท่านั้นแหละที่จะได้คำให้การที่แท้จริงจากผู้เสียหาย ความทุกข์ในความทุกข์ที่เขาประสบมาคือเหมือนถูกข่มขืนซ้ำเมื่อถูกสอบสวน ถ้าไม่มี พงส.หญิงแล้ว ผู้เสียหายคงยอมเก็บทุกข์นั้นไว้ดีกว่ามาร้องทุกข์กับตำรวจ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต หูกระจงควรปลูกให้ห่างจากตัวบ้าน" ๐

 

 

 

♦♦ จริงๆ เรื่องนี้จะไม่มีเมาธ์ จะไม่มีวิพากษ์วิจารณ์ หากมีการชี้แจงแถลงไขอย่างถูกต้องและเหมาะสม จากทีม "โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ทั้ง พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะทีเรื่องอื่นๆ ยังมานั่งจ้อกันสลอนเต็มเวที พูดกันเป็นคุ้งเป็นแคว แต่พอเรื่องที่เป็นการเป็นงาน เรื่องที่อ่อนไหว กระทบความรู้สึกผู้คน รวมทั้งกระทบภาพพจน์ "ตำรวจ" กลับปล่อยให้เกิดเสียวิจารณ์ ปล่อยให้สังคมคิดกันไปเอง แทนที่จะจะเชิญ ผบช.รร.นรต.และผบช.สกพ. มานั่งทำความเข้าใจ อธิบายเหตุผล ความจำเป็น ถึงการยกเลิกไม่รับ "นรต.หญิง" ว่ามีเหตุผลอะไร 1,2,3,4 เชื่อว่าสังคมพร้อมเข้าใจ หากแต่ยิ่งปล่อยนานวันเสียงวิจารณ์ก็จะดังขึ้น จนอาจบานปลายไปถึงสิทธิสตรี สิทธิบุรุษ ที่หลายคนก็จ้องจะโจมตี สตช.อยู่แล้ว ๐ 

 

 

 

♦♦ ย้อนไปดูแนวคิดการเปิดรับ นรต.หญิง เกิดขึ้นครั้งแรกต้องย้อนไปเมื่อ 9 ปีที่แล้ว คือ เมื่อเดือนมกราคม 2552 ยุค "บิ๊กป๊อด"พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย "บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นั่งเป็น "ผบ.ตร." ขณะนั้น และมี "มือปราบไม้บรรทัด"ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็น "นายกสภาการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ" พล.ต.ท.อัมรินทร์ อัครวงษ์ เป็น "ผบช.รร.นรต." ร่วมกันแถลงโครงการนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิง เข้าศึกษาในโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จ.นครปฐม ในปีการศึกษา 2552 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 107 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ๐

 

 

 

♦♦ โดย ร.ต.อ.ปุระชัย ให้เหตุผลการเปิด นรต.หญิงรุ่นแรกว่า "การเปิดรับผู้หญิงเข้าศึกษาเป็นปีแรกไม่ถือว่าเร็วเกินไป เพราะโรงเรียนนายร้อยตำรวจชั้นนำอย่างในสหรัฐ ก็รับผู้หญิงเข้าเรียนร่วมกับนายร้อยตำรวจผู้ชายมานานหลายสิบปีแล้ว งานตำรวจหลายอย่างในอนาคตต้องอาศัยผู้หญิง ถ้าโครงการนี้ประสบความสำเร็จก็จะทำงานเกี่ยวกับเด็ก เยาวชนและสตรีได้ โดยนรต.หญิงที่สำเร็จการศึกษาจะเข้าไปประจำในจังหวัดใหญ่ๆ ก่อน เช่น กทม. ขอนแก่น เชียงใหม่ และแผนข้างหน้าจะทำให้มีตำรวจหญิงที่เป็นนรต.ประจำทุกสถานีตำรวจทุกแห่งทั่วประเทศ โครงการนี้ถือเป็นโครงการนำร่อง ยังรับจำนวนไม่มาก ต้องค่อยเป็นค่อยไป"...ผ่านมา 9 ปี เข้าสู่ปีที่ 10 โครงการที่ยกแม่น้ำทั้ง 5 มาอธิบายถึงความจำเป็น อธิบายถึงอนาคตที่ต้องมี กลับต้องมาถูกพับแผน แถมยังไม่มีคำอธบายให้สังคมรับรู้ เหมือนตอนเปิดโครงการใหม่อีก เฮ้อ...วังเวง ๐ 

 

 

♦♦ หันมาดูแวดวงสังคมคนสีกากี ภาค 5 ที่มีผลงานปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติด ครองแชมป์การจับกุมอันดับต้นๆทำให้ พล.ต.ท.พลูทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ “บิ๊กภาค 5” ยิ้มได้ไม่อายใคร มีมือปราบคู่ใจ พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รองผบช.ภ.5 เกาะติดสืบสวนจับกุมผลงานออกมาโชว์ตลอด

 

 

♦♦ ด้านมวลชนสัมพันธ์ พล.ต.ต.พิทยา ศิริรักษ์ รองผบช.ภ.5 คุมโครงการครูแดร์ ดูแลความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินนักท่องเที่ยว ตามแหล่งท่องเที่ยว อุ่นใจทั่วหน้าตำรวจภูธรเชียงใหม่ ภายใต้การอำนายการ พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.ต.อ.ไพศาล นันตา รองผู้การฯ จัดทำโครงการตู้นิรภัยรับแจ้งเหตุ ประสานศูนย์ข้อมูลกล้องวงจรปิดทั่วเมืองเกิดเหตุร้ายสืบจากกล้อง cctv จับกุมได้ทันที่ถือเป็นโครงการที่ดีมีประสิทธภาพ

 

 

♦♦ แต่ด้านผู้ประกอบการสถานบริการต่างๆ ในยุค 4.0 เริ่มบ่นเอือมระอากับชุดเฉพาะกิจ เฉพาะเก็บ ทั้ง อีกา อีแร้ง ที่อ้างทั้งจากส่วนกลาง และภูมิภาค ออกมาบินเรียกรับผลประโยชน์ ฉาบฉวยลงจิกเหยื่อ จากเจ้าของผู้ประกอบการ สถานบริการ นักธุรกิจ มากมายนับกันแถบไม่ถ้วน ทั้งขู่จับ เรียกรับเพิ่ม แตกหน่อ แตกชุด มั่วไปหมด แต่ละชุดล้วนอ้างเก็บส่งนายเรื่องนี้ ไม่รู้! “นาย” รู้เห็นบ้างหรือป่าว! ณ ปัจจุบันนี้ผู้ประกอบการธุรกิจทั้งหลายได้รับ "คืนความสุข" จนจะเอาตัวไม่รอดกันอยู่แล้ว วอน “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แม่ทัพใหญ่ ช่วยกำหลาบที ๐ สวัสดี

 

                                                                               รอง ป.