ผู้ว่าสระแก้วแจงไม่ปิดด่าน แค่กระชับเวลาข้ามพรมแดน แนะภาคธุรกิจปรับตัวรับสถานการณ์-เข้มคัดกรองหวั่นแก๊งคอลเซ็นเตอร์

สระแก้ว-นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์สั่งการชายแดนไทย-กัมพูชา ณ สำนักงานด่านตรวจคนเข้าเมือง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยมีหน่วยงานด้านความมั่นคง ตำรวจ ทหาร และฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อหารือแนวทางรับมือสถานการณ์การกระชับเวลาข้ามพรมแดน

ผู้ว่าฯ ยืนยันว่า ไทยไม่ได้ปิดด่าน แต่มีการปรับมาตรการให้เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะการคัดกรองคนไทยที่เดินทางกลับจากฝั่งกัมพูชา เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมเน้นย้ำว่า ผู้ประกอบการทั้งฝั่งกัมพูชาและฝั่งไทยในอ.อรัญประเทศ ต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อได้

ทั้งนี้ จังหวัดได้มีการซ้อมแผนเผชิญเหตุเป็นประจำ เพื่อเตรียมพร้อมทั้งกำลังพล อุปกรณ์ หน่วยปฐมพยาบาล และสถานที่ หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน

ด้านบรรยากาศที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ก่อนเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่เร่งอำนวยความสะดวกให้ประชาชนข้ามแดนกลับฝั่งไทยอย่างเรียบร้อย

อย่างไรก็ตาม ช่วง 5 นาทีสุดท้ายก่อนประตูปิด มีชายไทย 3 คน ไม่มีเอกสารข้ามแดน เดินเข้ามาขอผ่านแดนกลับประเทศไทย เบื้องต้นคาดว่าเป็นเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ลักลอบข้ามไปฝั่งกัมพูชาทางช่องทางธรรมชาติ และถูกยึดเอกสารไว้ทั้งหมด

เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า หากเป็นคนไทยสามารถเข้าประเทศได้แน่นอน แต่หากข้ามแดนไปแบบผิดกฎหมาย จำเป็นต้อง ติดต่อสถานทูตไทย เพื่อออกเอกสารก่อนกลับเข้าประเทศตามขั้นตอนที่ถูกต้อง

ทั้งนี้ จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ทราบว่า ผู้กลับเข้าประเทศกลุ่มนี้ไม่ใช่ผู้ถูกหลอก แต่เดินทางไปทำงานโดยสมัครใจ และเกี่ยวข้องกับเครือข่าย บัญชีม้าและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งปัจจุบันเริ่มไม่ต้องการใช้แรงงานไทย จึงยึดเอกสารและผลักดันกลับ

รายหนึ่งให้ข้อมูลว่า เคยตกลงจะได้รับค่าจ้างเปิดบัญชี 5,000 บาท แต่ได้จริงเพียง 2,000 บาท ก่อนถูกส่งกลับมา ทั้งนี้ หากบุคคลเหล่านี้อยู่ใน “หมายจับ” ก็ไม่สามารถอนุญาตให้เข้าประเทศได้โดยง่าย เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบ เพื่อป้องกันการหลุดรอดของกลุ่มมิจฉาชีพ