วันเสาร์ ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2568 11:31 น.

กทม-สาธารณสุข

“3 ปรมาจารย์แพทย์” วอน ปชช.”อดทน-มีวินัย”คุมโควิดได้แน่

วันพฤหัสบดี ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2563, 18.47 น.

“3 ปรมาจารย์แพทย์” ออกโรงแล้ว ยันไทยมาถูกทางคุมไวรัสโควิด-19 วอนประชาชนอดทน-มีวินัย-มั่นใจรัฐ ไม่ออกไปพื้นที่เสี่ยงเพื่อหยุดยั้งการแพร่เชื้อ ย้ำจิตสำนึกเพื่อส่วนรวมอย่าทำร้ายประเทศชาติ “อนุทิน” ตอกย้ำ “กินร้อน ช้อนกู ต่างคนต่างอยู่ ห่างกู 2 เมตร”

วันที่ 19 มี.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข แถลงภายหลังการหารือร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมทีมแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการควบคุมป้องโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า กระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อมในการรับมือกับโรค อยากให้ประชาชนเชื่อมั่นและร่วมมือกันสู้โควิด-19 อย่าสู้กันเอง อย่ามีความขัดแย้ง อย่าแยกกันเดิน หากร่วมมือกันหยุดเคลื่อนที่ไปตามสถานที่ต่างๆ ตนมั่นใจว่าประเทศไทยรับมือกับสถานการณ์ระบาดได้และผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พร้อมย้ำว่า “กินร้อน ช้อนกู ต่างคนต่างอยู่ ห่างกู 2 เมตร”

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษาคณะกรรมการโรคอุบัติใหม่ กล่าวว่า มาตรการรับมือกับโรคประเทศไทยทำได้ดี และยืนยันว่าเรามาถูกทาง แต่โรคมันก็ต้องดำเนินต่อไปเพราะว่าทั้งโลกเป็นอย่างนี้ เรากำลังเข้าสู่ระยะที่มีผู้บาดเจ็บป่วยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมาตรการเตรียมความพร้อมบุคลากร สถานะยาบาล ยาเวชภัณฑ์ รับมือไว้แล้ว ภาคส่วนต่างๆ มีความเข้าใจมากขึ้น สำคัญที่สุดคือตัวประชาชนเองต้องให้ความมั่นใจ ต้องมีวินัย แต่ละคนที่ดูแลสุขภาพตัวเองก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้คนอื่นเป็นอะไรด้วย ถ้าทุกคนร่วมมือกันเราก้าวข้ามและผ่านไปได้แน่นอน

นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาคณะกรรมการโรคอุบัติใหม่ กล่าวว่า ระยะหลัง มีผู้ป่วยเพิ่มวันละ 30 คน ล่าสุด เพิ่มอีก 60 คน นั้น เหตุผลเพราะมีคนที่ติดเชื้อแต่ไม่รับผิดชอบต่อสังคมและต่อไปแพร่เชื้อกัน สำคัญมากเพราะรัฐบาลบอกว่าไม่ให้มีการชุมนุมเกิน 50 คน เพราะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย ตอนนี้เราต้องลดความเสี่ยงในการที่จะแพร่เชื้อติดเชื้อให้มากที่สุดเพื่อที่จะเข้าสู่ระยะที่ 3 ทั้งนี้ ถ้าดูจากข้อมูลทางวิชาการที่ศึกษาในจีน พบว่าก่อนปิดเมืองมีคนที่สามารถแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัวประมาณ6 เท่า ถ้าเอามาคูณกับจำนวนผู้ป่วยยืนยันในไทย จะพบว่ามีผู้ที่ติดและอาจแพร่เชื้อไม่รู้ตัวอีกมาก

นพ.อุดม กล่าวต่อว่า แต่การศึกษาก็พบด้วยว่าเมื่อมีประเทศจีนมีมาตรการเข้มข้นไม่ให้คนออกจากบ้าน ทำให้คนที่ไม่รู้ตัวเหลือเพียง 0.5 เท่า เมื่อคูณตัวเลขคนติดเชื้อยืนยันจะพบว่าตัวเลขคนที่อาจจะแพร่เชื้อไม่รู้ตัวลดลงถึง 12 เท่า เพราะฉะนั้นนี่คือสิ่งสำคัญที่คนไทยต้องหยุด อดทนต่อความลำบากไปสักระยะ อย่าตามใจตัวเอง เพราะไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นการทำร้ายประเทศชาติ และเศรษฐกิจอีกเป็นหมื่นๆล้าน เพียงเพราะตัวท่านไม่มีความรับผิดชอบ ประเทศไทยเข้าระยะ 3 แน่นอนถ้าประชาชนไม่ช่วย ดังนั้นวันนี้บุคลากรสาธารณสุขสู้เต็มที่ เหนื่อยก็ยอม จึงขอความร่วมมือประชาชนทำตามมาตรการอย่างเคร่งครัดด้วย

นพ.ยง ภู่วรวรรณหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขพยายามยื้อไม่ให้เจอผู้ป่วยมาก ก็เพื่อรอให้มียา และวัคซีนป้องกันรักษา รวมถึงเตรียมความพร้อมสถานพยาบาลเพื่อรับมือ ซึ่งเรื่องยาวันนี้เห็นแสงไฟแล้วว่ามียารักษา และกดเชื้อไม่ให้แพร่จำนวน และลดความรุนแรงของโรคได้ นับเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราใจชื้นขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงของโรคนี้คือกว่า 80 % มีอาการน้อยมาก ประมาณ 10 % จำเป็นต้องรักษาใน รพ. และมีเพียง 4 % ที่อาการวิกฤต ต้องนอนไอซียู ซึ่งปัจจัยที่ทำให้อาการหนัก คนสูงอายุ ตั้งแต่ 50-60 ปี ขึ้นไป แต่ที่เสี่ยงเสียชีวิตคือมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ที่อิตาลีเสียชีวิตเยอะเพราะเป็นสังคมผู้สูงอายุ นอกจากนี้ที่เสี่ยงอาการหนักอีกคือคน มีโรคประจำตัว อาทิ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอด ถุงลมโป่งพอง กลุ่มเหล่านี้ถ้าพบจะรีบให้ยาเลยเพื่อลดอัตราการสูญเสีย ทั้งนี้การต่อสู้กับโรคนี้อาจจะใช้เวลานานพอสมควร ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน มีระเบียบวินัย

หน้าแรก » กทม-สาธารณสุข