วันศุกร์ ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567 11:27 น.

กทม-สาธารณสุข

ชง 3 แนวทางผลิตสื่อล้อมคอกสถิติเด็กซิ่ง จยย.ตายท้องถนนพุ่ง

วันพุธ ที่ 05 มกราคม พ.ศ. 2565, 14.08 น.

สถาบันยุวทัศน์ฯ-สสส.-ศวปถ. ชง 3 แนวทางผลิตสื่อโฆษณารถจักรยานยนต์สร้างความปลอดภัยทางถนน หลังหลังพบ 3 ใน 4 ผู้เสียชีวิตจากซิ่ง จยย.เร็ว หวังลดอุบัติเหตุทางถนนเด็กฯเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ 2565

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2565 สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย (ยท.) ร่วมกับศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดแถลงข่าวขับเคลื่อนสื่อโฆษณาและสื่อรณรงค์สร้างความปลอดภัยทางถนนสำหรับเด็กและเยาวชน เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 “รู้คิด รอบคอบ รับผิดชอบต่อสังคม” ชง 3 ข้อเสนอแนวทางปฏิบัติ ในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ของผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ หวังลดพฤติกรรมเสี่ยงบนท้องถนน และค่านิยมการขับรถด้วยความเร็วหรือความแรงของเด็กและเยาวชน

นพ.ธนะพงษ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) กล่าวว่า รถจักรยานยนต์นับเป็นยานพาหนะหลักของประเทศไทย ยิ่งในช่วงวิกฤตโควิด-19 ทำให้อัตราการใช้บริการหรือการซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน เนื่องจากมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่ารถยนต์ จากข้อมูลการเฝ้าระวังอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 7 วันอันตรายของเทศกาลปีใหม่ 2564 ที่ผ่านมา พบผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเป็นผู้ใช้รถจักรยานยนต์ร้อยละ 82.48 มีสาเหตุหลักคือการใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดคิดเป็น 3 ใน 4 ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด และในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กและเยาวชน

“ค่านิยมหรือวิถีทางทัศนคติเหล่านี้ล้วนมาจากการถูกสภาพสังคมหล่อหลอม เช่น ได้รับสื่อโฆษณา สื่อประชาสัมพันธ์ ที่มักตอกย้ำเครื่องยนต์ความเร็วสูงสุด (Top-Speed) และภาพลักษณ์ของคนที่ใช้ความเร็วให้รู้สึกถึงความเป็นผู้นำ จึงขอเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการหรือแนวทางปฏิบัติในการกำกับดูแลสื่อโฆษณาให้อยู่ในขอบเขตที่สังคมยอมรับได้และเป็นกรอบป้องกันเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นอนาคตของชาติให้มีความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เหมือนในหลายประเทศที่มีกฎหมายและมีข้อบังคับใช้เกี่ยวกับการสื่อสารโฆษณาของผู้ประกอบการรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เช่น สาธารณรัฐเกาหลี ออสเตรเลีย อังกฤษ” นพ.ธนะพงษ์ กล่าว

นายพชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย (ยท.) กล่าวว่า ภาคีเครือข่ายผู้ทำงานด้านเด็กและเยาวชนมีข้อเสนอต่อกระทรวงวัฒนธรรม และคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ 3 ข้อ ได้แก่ 1.ขอให้คณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ มีแนวทางปฏิบัติการผลิตสื่อโฆษณาไปยังผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ เพื่อให้ลดการใช้เนื้อหาที่มุ่งเน้นสร้างการรับรู้เกี่ยวกับความแรงของเครื่องยนต์หรือความเร็ว เนื่องจากเป็นการกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกร่วมของผู้บริโภค 2.ขอให้มีการกำกับและตรวจสอบการผลิตสื่อโฆษณา สื่อภาพยนตร์ หรือสื่ออื่น ๆ ตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะเนื้อหาที่นำเสนอการใช้รถจักรยานยนต์ของตัวละคร ต้องมีการใช้อุปกรณ์นิรภัยทุกครั้ง เช่น การสวมหมวกนิรภัยของตัวละคร การรัดเข็มขัดนิรภัย และ 3.ขอให้กระทรวงวัฒนธรรม กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ มีแนวทางขับเคลื่อนเรื่องวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนสำหรับเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปลูกฝังวินัยจราจร วินัยสำหรับการใช้รถใช้ถนน ผ่านสื่อโฆษณาและสื่อประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานในสังกัด

ด้านนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาอุบัติเหตุทางถนนของเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะเรื่องวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน ที่ต้องเริ่มจากผู้ขับขี่มีความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้ร่วมสัญจร สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นพื้นฐานค่านิยมของการอยู่ร่วมกันอย่างมีความรับผิดชอบ ทั้งนี้ในบทบาทของกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการของคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ จะนำข้อเสนอทั้ง 3 ข้อ ของภาคีเครือข่าย นำเรียนท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าว โดยจะรายงานผลการดำเนินดังกล่าวกลับมาที่สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย เพื่อการทำงานดังกล่าวต่อไป

“เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2565 ภายใต้คำขวัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบไว้คือ “รู้คิด รอบคอบ รับผิดชอบต่อสังคม” จึงขอให้เด็กทุกคนได้นำไปปฏิบัติตามอย่างต่อเนื่อง ดังนี้ “รู้คิด” คือการคิดก่อนกระทำการใด ๆ เพื่อให้เกิดแต่ผลดีต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม “รอบคอบ” คือการไตร่ตรองผลของการกระทำ และ“รับผิดชอบต่อสังคม” คือการกระทำที่ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดผลกระทบต่อคนอื่น มีวินัย มีความรับผิดชอบ และคุณธรรมในการดำเนินชีวิตต่อไป” นายปรเมศวร์กล่าว

หน้าแรก » กทม-สาธารณสุข