วันเสาร์ ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2568 10:13 น.

กทม-สาธารณสุข

วิกฤตเงียบสังคมผู้สูงวัย ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคหมอนรองกระดูกเสื่อม

วันศุกร์ ที่ 06 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 14.35 น.

วิกฤตเงียบสังคมผู้สูงวัย

ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคหมอนรองกระดูกเสื่อม

 

 

เปิดสัญญาณเตือนจาก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูกสันหลัง เมื่อประเทศไทยกำลังก้าวสู่ “สังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบ” อย่างรวดเร็ว ภายใต้การเปลี่ยนผ่านนี้ นอกจากประเด็นด้านเศรษฐกิจและโครงสร้างประชากร ยังมี “วิกฤตสุขภาพที่ซ่อนอยู่” ซึ่งกำลังคืบคลานเข้ามาโดยที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว นั่นคือ “โรคกระดูกสันหลังเสื่อมในผู้สูงวัย”

 

 

 

นพ.เมธี ภัคเวช แพทย์เฉพาะทางศัลยศาสตร์กระดูกสันหลัง ศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง KLD โรงพยาบาลคามิลเลียน แพทย์ที่มีประสบการณ์ผ่าตัดผู้ป่วยด้วยเทคนิคส่องกล้องมาแล้วกว่า 5,000 เคส รักษาคนไข้ที่มีอาการปวดเรื้อรังมามากกว่า 20,000 เคส เปิดเผยว่า ปัญหากระดูกสันหลังในสังคมไทยกำลังลุกลามแบบเงียบๆ โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่เริ่มมีอาการจากความเสื่อมของหมอนรองกระดูกและการกดทับเส้นประสาท 

 

ชีวิตหนักในอดีต สะสมเป็นโรคในวันนี้

 

ในพื้นที่ชนบท คนจำนวนมากเคยใช้แรงงานหนักตั้งแต่วัยหนุ่มสาว ไม่ว่าจะเป็นการแบกของหนัก ขุดดิน ทำนา หรือทำงานก่อสร้าง สิ่งเหล่านี้แม้จะดูเป็นเรื่องปกติในยุคนั้น แต่ในมุมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กลับเป็น “รากฐานของความเสื่อม” ที่เริ่มแสดงออกอย่างชัดเจนเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ   “จากการประเมิน ผู้สูงวัยในชนบทมากกว่า 50% มีภาวะหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม กระดูกทรุด หรือเส้นประสาทถูกกดทับ” นพ.เมธีกล่าว

 

คนเมืองก็ไม่รอด…โรคจาก “พฤติกรรมดิจิทัล”

 

ขณะเดียวกันในกลุ่มคนเมืองและวัยทำงาน ก็เผชิญความเสี่ยงอีกแบบที่ต่างออกไป พฤติกรรมการนั่งนาน ก้มหน้าใช้มือถือหรือคอมพิวเตอร์ตลอดวัน กลายเป็นต้นตอของโรคหมอนรองกระดูกคอกดทับเส้นประสาท ที่มีแนวโน้มพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง  “ในช่วง 5–10 ปีที่ผ่านมา ผมเห็นเคสคนอายุน้อยที่มีอาการชาแขน ปวดคอ ไปจนถึงกล้ามเนื้ออ่อนแรงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ และสาเหตุหลักล้วนมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตในโลกยุคใหม่”  นพ.เมธี กล่าว

 

“โครงสร้างทางพันธุกรรม” ตัวแปรที่หลายคนมองข้าม

 

แม้พฤติกรรมจะเป็นปัจจัยสำคัญ แต่นพ.เมธีเตือนว่า ไม่ใช่ทุกคนจะตอบสนองต่อความเสื่อมเหมือนกัน เพราะ “โครงสร้างทางพันธุกรรม” ของกระดูกสันหลัง ก็มีบทบาทอย่างมาก บางคนแม้หมอนรองกระดูกจะเสื่อมมาก แต่กลับไม่เจ็บเลย เพราะโพรงประสาทมีขนาดใหญ่ ขณะที่บางคนโครงสร้างเล็ก มีความเสื่อมนิดเดียวก็ปวดทรมานอย่างหนัก เรื่องนี้ทำให้การวินิจฉัยและรักษาต้องอาศัยความเข้าใจแบบรายบุคคล ไม่ใช่ใช้สูตรเดียวกันหมด

 

ผ่าตัดกระดูกสันหลังไม่น่ากลัวอีกต่อไป

 

อดีตผู้คนส่วนมากเคยมีความกลัวว่า “ผ่าตัดกระดูกสันหลัง = เสี่ยงพิการ” แต่วันนี้เทคโนโลยีทางการแพทย์ได้ก้าวล้ำไปไกล โดยเฉพาะการ “ผ่าตัดส่องกล้อง (Endoscopic Spine Surgery)” ที่ไม่ต้องเปิดแผลใหญ่ แต่ใช้กล้องขนาดเล็กความละเอียดสูงสอดเข้าไปในช่องกระดูก ทำให้เห็นตำแหน่งปัญหาอย่างแม่นยำและลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง “รูแผลมีขนาดเพียง 8 มิลลิเมตร ผู้ป่วยเจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว ลดภาวะแทรกซ้อน และมีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เร็วกว่ามาก”

 

นพ.เมธีกล่าวต่อว่า ในอนาคตอันใกล้ การผ่าตัดเปิดแบบเดิมอาจเหลือไว้ใช้เฉพาะกรณีซับซ้อนจริง ๆ ขณะที่เทคนิคส่องกล้องจะกลายเป็นมาตรฐานหลักในการรักษาโรคกระดูกสันหลัง

 

รักษาอย่างเดียวไม่พอ ต้องป้องกันตั้งแต่ต้นเหตุ

 

ในฐานะแพทย์ผู้เห็นผู้ป่วยจริงทุกวัน เขาเน้นย้ำว่า การรักษาที่ดีที่สุดคือ “การป้องกันไม่ให้เกิดโรคแต่แรก” เช่น หลีกเลี่ยงการนั่งท่าไม่เหมาะสม นั่งพื้นหรือนั่งพับเพียบ ควบคุมน้ำหนัก และลดการใช้งานมือถือในท่าก้มหน้าเป็นเวลานานและที่สำคัญไม่แพ้กัน  นพ.เมธียังฝากถึงลูกหลานในครอบครัวว่า “ควรหมั่นสังเกตพฤติกรรมของผู้สูงอายุในบ้าน หากมีอาการปวดหลังเรื้อรัง เดินไม่ถนัด ปลายมือปลายเท้าชา หรือมีการทรงตัวที่เปลี่ยนไป นั่นอาจเป็นสัญญาณของโรคกระดูกสันหลังที่ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว เพราะหากพบและรักษาได้ทันท่วงที ย่อมลดโอกาสเสื่อมหนักและฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่าการปล่อยให้อาการลุกลาม “สุขภาพกระดูกสันหลังคือผลสะท้อนจาก ‘วิธีคิดและวิธีใช้ชีวิต’ ของเรา หากเราปรับได้ตั้งแต่วันนี้ เราก็จะใช้ชีวิตในวัยสูงอายุอย่างแข็งแรง มีคุณภาพ และไม่เป็นภาระลูกหลาน”

เชิญชวนแพทย์ร่วมขับเคลื่อนมาตรฐานใหม่

 

นอกจากการดูแลคนไข้แล้ว นพ.เมธี กล่าวว่าตนพร้อมเปิดโอกาสให้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่สนใจการผ่าตัดส่องกล้อง ได้เข้ามาเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความรู้กันอย่างเปิดกว้าง เพื่อให้ทุกพื้นที่ได้ช่วยกันดูแลสังคมผู้สูงอายุในไทยทั่วถึงมากที่สุด   “จากประสบการณ์ผ่าตัดมาแล้วกว่า 5,000 เคส ผมยินดีแบ่งปันเทคนิคและแนวคิด เพื่อให้เกิดการพัฒนาแพทย์ไทยรุ่นใหม่ที่เชี่ยวชาญด้านนี้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันยังมีอยู่ไม่ถึง 10 คนในประเทศ เราจำเป็นต้องเร่งพัฒนา เพราะโรคนี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมไทยอีกไม่นาน” นพ.เมธี​ ภัคเวช กล่าว 

 

ศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง KLD โรงพยาบาลคามิลเลียน ปรึกษา โทร.062 3651788

หน้าแรก » กทม-สาธารณสุข

Top 5 ข่าวกทม-สาธารณสุข