“สมศักดิ์” มอบอุปกรณ์ Health Station ให้ 18 อำเภอ กาฬสินธุ์ เพื่อบริการประชาชนทุกช่วงวัย มั่นใจพลัง อสม.ช่วยยกระดับสุขภาพ เดินสายต่อเนื่อง พบผู้บริหาร รพ.ขอนแก่น รับฟังปัญหาวิกฤตขาดทุน รับช่วยหาทางออก คุยบอร์ด สปสช. กู้ 300 ล้านบาท ปรับสภาพคล่อง ยืนยันรัฐบาลไม่ทอดทิ้ง 

วันที่ 7 มิ.ย.ที่โรงแรมริมปาว จ.กาฬสินธุ์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดโครงการบริการทุกช่วงวัย ด้วยความห่วงใยจากกระทรวงสาธารณสุข โดยมี นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย นายวิรัช พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ เขต 1 พรรคเพื่อไทย นายทินพล ศรีธเรศ สส.กาฬสินธุ์ เขต 5 พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ บุญเรือง สส.กาฬสินธุ์ เขต 6 พรรคเพื่อไทย นางบุญรื่น ศรีธเรศ อดีตสส.กาฬสินธุ์ นส.ประภา เฮงไพบูลย์ สส.กาฬสินธุ์ เขต 4 พรรคภูมิใจไทย ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข อสม.เข้าร่วมงาน 

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างระบบสุขภาพ เชื่อมั่นว่า การดูแลสุขภาพที่ดีต้องเริ่มต้นตั้งแต่ก่อนเกิด และต่อเนื่องไปตลอดชีวิต ตนจึงมีความยินดีที่ได้มาเปิด  โครงการบริการทุกช่วงวัย ด้วยความห่วงใยจากกระทรวงสาธารณสุข  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขตสุขภาพที่ 7  พร้อมกับมอบแว่นตา เครื่องช่วยฟัง และชุดอุปกรณ์ Health Station ที่จังหวัดกาฬสินธุ์  ในวันนี้  คำว่า “บริการทุกช่วงวัย ด้วยความห่วงใยจากกระทรวงสาธารณสุข”  ไม่ใช่เพียงแค่คำขวัญ แต่เป็นความตั้งใจที่เราได้ถ่ายทอดสู่การปฏิบัติจริง  มีความยินดีที่ได้เห็นพลังของพี่น้อง อสม. ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับระบบสุขภาพของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องการนับคาร์บ ให้แก่พี่น้องประชาชนกว่า 30 ล้านคนทั่วประเทศ เชื่อมั่นว่าชุดอุปกรณ์ Health Station ที่ได้มอบให้กับตัวแทน อสม. จังหวัดกาฬสินธุ์ ทั้ง 18 อำเภอ ในวันนี้ จะช่วยให้พวกเราสามารถให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น  ให้แก่พี่น้องประชาชนในชุมชน  ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขและพรรคเพื่อไทยทำกฎหมายให้อสม.ซึ่งอยู่ในสภาฯ เป็นที่เรียบร้อนแล้ว จะพยายามเร่งรัดให้กฎหมายผ่านโดยเร็ว โดยมีทั้งหมด 5 หมวด จะเป็นเสริมสร้างความมั่นคงให้กับอสม.เมื่อเข้าสภาก็จะมีการไปแปรญัตติ จากที่มีการเกษียณ 60 ปี ก็จะให้ไม่มีเกษียณ ก็ต้องขอความร่วมมือจากสส. เพื่อไปสู้ให้พี่น้องอสม. เรื่องสิทธิประโยชน์ในการสนับสนุนกิจการอสม.เช่น ค่าป่วยการ ห้องพิเศษ เงินฌาปนกิจ สนับสนุนการทำงานให้มีเงินบัญชีนอกงบประมาณ โดย อสม.ก็ต้องช่วยรณรงค์การนับคาร์บด้วย ซึ่งจะให้ของขวัญในการตรวจสุขภาพ หากทำได้ตามเป้าหมาย  ความสำคัญของการนับคาร์บนั้นจะช่วยลดคนป่วย NCDs ที่วันนี้มีสูงถึง 33 ล้านคน เฉพาะเบาหวาน 6.5 ล้านคน แต่จากนี้จะเห็นแนวโน้มการลดลง เราจะไม่ให้มีคนป่วยเพิ่มขึ้น  จะสามารถประหยัดเงินได้นับหมื่นล้านบาท องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ให้เวลาทั่วโลกเพื่อให้ทำเรื่อง NCDs ซึ่งไม่มีประเทศไหนทำได้ มีประเทศแรกคือประเทศไทย ก็ขอชื่นชมอสม.ด้วย 

จากนั้น นายสมศักดิ์ ได้เดินทางต่อมายังโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น เพื่อรับฟังปัญหาวิกฤตทางการเงินของโรงพยาบาลที่มีปัญหาขาดทุนสะสม 1124 ล้านบาท โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผู้ตรวจราชการ เขตสุขภาพที่ 7 นายแพทย์สุรสิทธิ์ จิตรพิทักษ์เลิศ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ผู้บริหาร บุคลากรทางการแพทย์ เขตสุขภาพที่ 7 ตัวแทนจาก สปสช. ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน เข้าร่วมประชุม 

นายสมศักดิ์กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมว่า ทุกคนคงวิตกกังวลเรื่องสถานะทางการเงินของโรงพยาบาล ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ทอดทิ้ง แต่การแก้ไขปัญหาจะให้เอาเงินมาเติมอย่างเดียว โดยที่ไม่มีทิศทางหรือไม่ได้ถามหาประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น  ว่าบริหารอย่างไร คงไม่ได้ แต่จะต้องมีการตรวจสอบเรื่องที่เกี่ยวพันกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยได้เชิญหน่วยงานตรวจสอบของภาครัฐมาพูดคุย และมอบหมายให้นายกองตรีธนกฤตเข้ามาช่วยตรวจสอบ   
 
ภายหลังการประชุม นายสมศักดิ์ ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ตนรับว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องสภาพคล่อง โดยจะไปหารือกับบอร์ด สปสช.ขอยืมเงินมาให้ก่อน ประมาณ 300 ล้านบาท เพราะทางโรงพยาบาลอยู่ระหว่างขออุทธรณ์การเรียกเก็บเงินจาก สปสช.ในเคสที่เบิกไม่ทันใน ปี 2567 และโรงพยาบาลขอนแก่นยังมีลูกหนี้ที่รอเรียกเก็บเงินค่ารักษาอยู่ประมาณ 586 ล้านบาท ดังนั้นคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ระหว่างนี้ ก็จะมีการตรวจสอบการบริหารไปด้วย ให้มาดูย้อนหลังลงไปเกิดอะไรขึ้นจากที่มีสภาพคล่องแล้วทำไมมาติดลบ