“สมศักดิ์” นั่งหัวโต๊ะประชุมคกก.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ เคาะตั้งคณะทำงานตรวจห้องสูบบุหรี่ในสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนเปิดใช้งาน เน้นย้ำไม่ส่งกลิ่นกระทบสิทธิผู้โดยสารอื่น พร้อมเห็นชอบเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการปรับเป็นพินัย ตามกฎหมายควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ พัฒนาฐานข้อมูลเพิ่มความคล่องให้เจ้าหน้าที่ทำงานสะดวกขึ้น เพื่อการติดตามการดำเนินคดีทางกฎหมาย 

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ (คผยช.) เปิดเผยภายหลังการประชุม คผยช. ครั้งที่ 2/2568 ว่า ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าของการลงพื้นที่สำรวจ และตรวจสอบห้องสูบบุหรี่ในพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังจากที่มีการลงพื้นที่ตรวจสอบติดตามเป็นระยะทุกฝ่าย มีข้อสรุปเกี่ยวกับแนวทางที่เหมาะสมในการจัดสรรพื้นที่สูบบุหรี่ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  ดังนี้ 1.ทอท.จัดทำต้นแบบห้องสูบบุหรี่ภายในอาคารบริเวณผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 จำนวน 3 ห้อง เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการระบายอากาศและการจัดการสารพิษจากควันบุหรี่ 2. จัดพื้นที่สูบบุหรี่ต้นแบบภายนอกอาคารบริเวณระหว่างอาคารหลักกับอาคารเทียบเครื่องบินชั้น 2 3.อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ซึ่งเป็นอาคารแบบปิดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่การบินทำให้ไม่สามารถกจัดเขตสูบบุหรี่ภายนอกอาคารได้ โดยทอท.กำหนดพื้นที่สำหรับจัดทำต้นแบบห้องสูบบุหรี่ จำนวน 1 ห้อง เพื่อทดสอบและประเมินประสิทธิภาพการระบายอากาศที่มีมาตรฐานสูง  4. แผนการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารในอนาคต ทอท. ตกลงว่าจะออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม และโครงสร้างอาคารของอาคารรับรองผู้โดยสารที่เอื้อต่อการจัดพื้นที่สูบบุหรี่บริเวณภายนอกอาคาร

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมได้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง อีกทั้งแสดงความห่วงใยเรื่องกลิ่น ควันบุหรี่ที่จะออกมาภายนอก กระทบต่อผู้โดยสารรายอื่นที่ไม่สูบบุหรี่ ดังนั้น ได้เน้นย้ำกับ ทอท.ให้มีความรัดกุม  เพื่อไม่ให้กระทบสิทธิผู้อื่น โดยมีตัวแทนจาก ทอท. ที่เข้าร่วมชี้แจงก็ได้รับปากไปดำเนินการ โดยจะทำห้องความดันลบ ติดตั้งเครื่องดูดควัน ทำประตูสองชั้น ป้องกันควันและมีจอวัดสารพิษหน้าห้องด้วย จากนั้นที่ประชุมมีมติมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคแต่งตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาและประเมินผลห้องสูบบุหรี่ โดยมอบหมายให้ศาสตราจารย์นันทวรรณ วิจิตรวาทการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คผยช.เป็นประธานคณะทำงาน 

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า  นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบการเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการปรับเป็นพินัยตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 เนื่องจากในทางปฏิบัติตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ผ่านมา การบังคับใช้กฎหมายและการดำเนินมาตรการปรับเป็นพินัย ตามพ.ร.บ.ดังกล่าว ยังไม่บรรลุประสิทธิภาพตามที่ตั้งเป้าไว้ โดยเฉพาะในหลายจังหวัด ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ได้พัฒนาระบบฐานข้อมูลเพื่อการติดตาม การดำเนินคดีทางกฎหมายว่าด้วยการปรับเป็นพินัยตามพ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินคดีพินัยตามขั้นตอนกฎหมายให้รวดเร็วขึ้น เป็นเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้คล่องตัวขณะลงพื้นที่  อำนวยความสะดวกในการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการลงพื้นที่บังคับใช้กฎหมายให้กับพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ไม่ต้องจัดเตรียมเอกสารหลายฉบับ และเห็นชอบไปยังคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบจังหวัด (คผยจ.) และคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบกรุงเทพมหานคร (คผย.กทม.) ให้เร่งรัดการบังคับใช้กฎหมายและดำเนินการปรับเป็นพินัยกับผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 พร้อมทั้งให้ทุกจังหวัดบันทึกข้อมูลและรายงานผลการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งการปรับเป็นพินัยผ่านระบบฐานข้อมูลเพื่อการติดตามการดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยการปรับเป็นพินัยตาม พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 (Tobacco Control Enforcement Program (TCEP)) เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติรับทราบ ทุกวันที่ 25 ของทุกเดือน