วันอังคาร ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2568 22:57 น.

อาชญากรรม

จู่โจมกลางดึก ล็อคเอเย่นต์รายย่อยกลางสวนยาง เพื่อนคว้าปืนหวังเข้าช่วย เจอทหารพรานเจ๋งกว่า กอดคอเข้าคุกทั้งคู่

วันพฤหัสบดี ที่ 06 มีนาคม พ.ศ. 2568, 14.38 น.

กรณี ร.อ.ธนากร นาเหล็ก ผู้บังคับกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2103 (ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2103 ) ร่วมกับฝ่ายปกครอง อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม จู่โจมยามดึกในเวลาประมาณตีสามของวันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา เพื่อตรวจค้นกระท่อมกลางสวนยางพาราอยู่ในพื้นที่บ้านห้วยพระ หมู่ 14 ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม หลังสืบทราบว่าเป็นแหล่งมั่วสุมเสพยาบ้า และจำหน่ายในกลุ่มผู้ใช้แรงงาน พบนายประวิทย์ อายุ 35 ปี กำลังกรีดยางอยู่คนเดียว พอเห็นชุดปฏิบัติงานมานายประวิทย์ถึงมือสั่นจนมีดกรีดยางหล่น จึงขอตรวจค้นภายในกระท่อม ก็ไม่ผิดหวังมียาบ้าซุกอยู่ใต้ที่นอนจำนวน 39 เม็ด โดยมีไว้เสพและจำหน่ายเพื่อนอาชีพกรีดยางด้วยกัน

ระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนนายประวิทย์อยู่นั้น ปรากฏว่ามีเสียงชายคนหนึ่งตะโกนเรียกชื่อ มีลักษณะคล้ายคนเมายาแล้วหลอน และในมือขวาของชายดังกล่าวถืออาวุธปืนด้วย เจ้าหน้าที่จึงเข้าล็อคตัวโดยปฏิบัติการตามยุทธวิธี ทราบต่อมาว่าชื่อนายปัญญา หรืออะ อายุ 23 ปี ซึ่งยังพูดจาไม่ได้ศัพท์คาดเกิดจากฤทธิ์ของยาบ้า ค้นในกระเป๋ากางเกงมียาบ้ายัดอยู่ในห่อยาเส้นจำนวน 6 เม็ด โดยนายปัญญายอมรับว่าเพิ่งเสพยามาไม่กี่นาทีมานี้ ได้ยินเสียงคนตึงตังที่กระท่อม จึงคว้าปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ เดินมาร้องเรียกนายประวิทย์ ไม่คิดว่าจะมาเจอทหารพรานมาเยี่ยมตอนตีสาม นายปัญญายอมรับว่าซื้อยาบ้าจากนายประวิทย์ราคาเม็ดละ 30 บาท ทั้งมีสวนยางพาราอยู่ติดกัน จึงเดินไปมาหาสู่เพื่อเสพยาบ้าที่กระท่อมเป็นประจำ จากนั้นได้นำผู้ต้องหาทั้งสองคนไปสอบสวนที่ ร้อย.ฉก.ทพ.2103 เพื่อสอบถาม ขยายผล และตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย ปรากฏว่ามีฉี่ม่วงทั้งคู่

โดยกล่าวโทษว่าเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1  ( เมทแอมเฟตามีน ) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนนายปัญญาได้แถมเพิ่มอีก 1 ข้อหา คือมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ใด้รับอนุญาตจากนายทะเบียน

ทั้งนี้ การตรวจยึด จับกุม ผู้ค้ารายย่อย รวมถึงผู้เสพ เป็นไปตามยุทธการนครพนมโมเดล เพื่อตัดตอนผู้ค้า ผู้เสพออกจากกัน โดยเฉพาะในชุมชน หมู่บ้าน ยังพบว่ามีผู้เสพยาบ้าอยู่ปะปนกับประชาชนทั่วไป วันดีคืนดีก็หลอนยามักก่อเหตุ สร้างความวุ่นวายและหวาดระแวง กลายเป็นบุคคลอันตรายในชุมชน แม้ทางราชการจะมีสถานที่บำบัดอยู่หลายแห่ง แต่เหมือนยักษ์ไม่มีกระบอง เพราะกฎหมายไม่เปิดช่องให้ปฏิบัติการควบคุมตัวเกินกำหนดได้ จึงขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้เสพว่า ต้องการเข้าบำบัดหรือไม่ หรือแม้ผู้ป่วยจะผ่านการบำบัดมาก็หวนกลับไปเสพอีก จากกฎหมายที่ไม่เอื้อต่อการปฏิบัติงาน ทุกวันนี้จึงมีผู้คลั่งยาเต็มเมือง
 

หน้าแรก » อาชญากรรม