วันจันทร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2568 20:01 น.

อาชญากรรม

"ทนายปราบโกง" แจ้ง ปปป.ฟันจนท.บังคับคดีพร้อมพวก 6 คน ผิดม.157 ปมสวมสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์

วันศุกร์ ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 13.38 น.

วันที่ 30 พ.ค.68 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กทม. ทนายกฤษฎา อินทามระ หรือทนายปราบโกง เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อ พงส.กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าพนักงานบังคับคดีจังหวัดปริมณฑล 2 นาย พร้อมญาติพี่น้องตนเองอีก 3 คน และทนายความอีก 1 คน รวม 6 คน ในข้อหาความผิดตามมาตรา 157 กรณีสนับสนุนและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการขายทอดตลาดบ้านที่ตนครอบครองปรปักษ์มานานกว่า 10 ปี

ทนายกฤษฎา เปิดเผยว่า เมื่อปลายปี 2567 สำนักงานบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาดบ้านในหมู่บ้านชื่อดังย่านชานเมือง ซึ่งตนครอบครองปรปักษ์อยู่ และเป็นบ้านที่อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกันกับบ้านของพี่น้องอีกประมาณ 3 หลัง โดยไม่มีรั้วกั้น ทำให้ทุกคนในครอบครัวทราบดีว่าตนมีสิทธิในบ้านหลังดังกล่าวในฐานะผู้ครอบครองปรปักษ์

อย่างไรก็ตาม เจ้าพนักงานบังคับคดี (จพค.) กลับร่วมมือกับพี่สาวและพี่เขยของตน โดยนำประกาศขายทอดตลาดไปปิดไว้ที่โรงจอดรถของพี่สาวและพี่เขย แทนที่จะปิดที่ตัวบ้านที่ตนครอบครองอยู่ เพื่อไม่ให้ตนรับทราบเรื่องการขายทอดตลาด และไม่สามารถร้องขัดทรัพย์ได้ทันตามกฎหมาย โดยหลังจากการปิดประกาศที่โรงจอดรถแล้ว ก็มีการถ่ายรูปเพื่อรายงานหัวหน้า ก่อนจะดึงประกาศออกไปในทันที

ตนมาทราบเรื่องการขายทอดตลาดจากการตรวจสอบเว็บไซต์ของกรมบังคับคดี และได้เข้าร่วมประมูลในวันนัดแรก คือวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประมูลเพียง 2 ราย คือตนและพี่เขย โดยพี่เขยเป็นผู้ชนะการประมูลไปในราคา 3,500,000 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาที่ตนเสนอไปกว่าสี่แสนบาท ทั้งที่บ้านดังกล่าวมีเนื้อที่เพียง 51 ตารางวา สร้างมานานกว่า 30 ปี และอยู่นอกโครงการจัดสรร ไม่มีทางเข้าออกสู่ถนนโครงการ ต้องใช้ทางภาระจำยอมของพี่สาว ทำให้ตนเกิดข้อสงสัยว่าพี่สาวและพี่เขยทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อประมูลบ้านหลังนี้ไปเพื่ออะไร

ต่อมาในวันที่ 14 มีนาคม 2568 ตนได้ทราบความจริงว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวต้องการกำจัดตนออกจากพื้นที่ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 6 นายนำหมายจับของศาลมาจับกุมตนและภรรยาในข้อหาไม่ยอมออกจากอสังหาริมทรัพย์ 

โดยในวันดังกล่าว ตำรวจ พี่สาว พี่เขย ลูกชาย และทนายความ ได้ปิดทางเข้าออกซึ่งมีเพียงทางเดียวคือผ่านหน้าบ้านพี่สาว ทำให้ตนและภรรยาถูกจับกุมที่หน้าบ้านพี่สาว ส่งผลให้เสื่อมเสียอิสรภาพและชื่อเสียง เนื่องจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่นิติบุคคลของหมู่บ้าน มาดูการจับกุมเพื่อประจานตนและภรรยา อีกทั้งเพื่อนบ้านก็เห็นเหตุการณ์ทำให้ตนเสียชื่อเสียงอย่างมาก ทั้งที่ตนได้ทำงานเพื่อสังคมและประชาชนมาตลอด จนกระทั่งสื่อมวลชนตั้งฉายาว่า "ทนายปราบโกง" การกระทำดังกล่าวอาจทำให้ผู้คนเข้าใจว่าตนกระทำความผิดอาญาร้ายแรง เป็นผู้ร้ายคนสำคัญหลบหนีหมายจับ ตนเชื่อว่าการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นการรู้เห็นกันตั้งแต่การปิดประกาศขายทอดตลาด การออกหมายจับ ไปจนถึงการเข้าจับกุมที่เกินกว่าเหตุ ทั้งที่เป็นเพียงความผิดทางแพ่งเรื่องการขับไล่เท่านั้น 

ทนายปราบโกง กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนก็จะอยู่จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.2568 นี้ก็ขนย้ายข้าวของออกจากบ้านหลังดังกล่าว การมาแจ้งความ บก.ปปป.ดำเนินคดีในครั้งนี้จึงเป็นการปกป้องชื่อเสียงของตน และเป็นคดีตัวอย่างเพื่อให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต 

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความตรวจสอบพยานหลักฐานที่ผู้เสียหายนนำมาแจ้งความร้องทุกข์ก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

หน้าแรก » อาชญากรรม