นายณรงค์ศักดิ์  ดวงแก้ว  นักศึกษาชั้น ปวส. 1 สาขาวิชาพืชศาสตร์ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี (วษท.) อุบลราชธานี เล่าว่า ดิน เกิดจากการผุพังสลายตัวของหินและแร่ ตลอดจนการสลายตัวของซากพืชและสัตว์ ผสมคลุกเคล้ากัน โดยได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อม เช่น สภาพภูมิอากาศ สภาพพื้นที่ และระยะเวลาในการพัฒนาที่แตกต่างกัน เกิดเป็นดินหลากหลายชนิด ปกคลุมพื้นผิวโลกอยู่เป็นชั้นบางๆ เป็นที่ยึดเหนี่ยวและเจริญเติบโตของพืช รวมถึงเป็นแหล่งน้ำและอาหารของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในดินและบนดิน ดินมีประโยชน์ในแง่ของการทำการเกษตร ซึ่งดินที่ใช้ทำการเพาะปลูกทั่วไปของประเทศไทยส่วนใหญ่ มักจะขาดความอุดมสมบูรณ์ โครงสร้างของดินไม่ดี แน่นทึบ ไม่อุ้มน้ำ  มีจุลินทรีย์ในดินน้อย การปรับปรุงบำรุงดิน โดยวิธีธรรมชาติเป็นทางหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ได้ เป็นวิธีที่ทำได้ง่าย โดยการใช้วัสดุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือวัสดุเหลือใช้มาทำให้เกิดประโยชน์ หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีสังเคราะห์ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่บริสุทธิ์ ช่วยลดต้นทุนการผลิต และเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม ตนและเพื่อนๆ จึงได้ทดลองนำใบยางนาที่ผลัดใบแล้วร่วงหล่นจำนวนมาก รอบวิทยาลัยในช่วงฤดูแล้งมาใช้ให้เกิดประโยชน์และสร้างมูลค่าเพิ่ม  โดยการพัฒนาให้ย่อยสลายกลายเป็นดินจนได้เป็นดินปลูกลำเซบายที่มีแร่ธาตุอาหารต่อพืชสูง ซึ่งลำเซบาย มาจากภาษาลาว เป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำมูล ซึ่งอยู่ติดกับวษท.อุบลราชธานี โดยดินปลูกลำเซบาย จะมีลักษณะพิเศษ คือ มีสีเทาเข้มจนถึงดำ เนื้อดินมีความร่วนซุยดี ไม่เกาะกันแน่น มีความพรุน อุ้มน้ำได้ดี มีค่าความเป็นกรดเบสอยู่ที่ 6.0 – 7.0 สามารถปลูกได้ทั้งพืช ผัก ไม้กระถาง และไม้ดอกไม้ประดับ ทำให้พืชเจริญเติบโตงอกงามดี  

 

 

นายณรงค์ศักดิ์  เล่าต่อไปว่า โดยวิธีทำเริ่มจากนำใบยางนาแห้งสับละเอียดมารดน้ำให้ชุ่ม หมักไว้ประมาณ 15 วัน จากนั้นนำแกลบดิน ขี้เถาแกลบ ปุ๋ยคอก ดินร่วน กากน้ำตาล และน้ำหมักชีวภาพ ผสมรวมกับใบยางนาหมัก  จากนั้นหมักต่อไปอีก  1 เดือน จนได้เป็นดินปลูกลำเซบายที่บรรจุในกระสอบ 2 รูปแบบ ได้แก่ กระสอบแบบพิเศษ 2 ชั้น ขนาด 6 กิโลกรัม ราคา 20 บาท และแบบธรรมดา ขนาด 5 กิโลกรัม ราคา 15 บาท สามารถเก็บไว้ได้นาน ทั้งนี้ สนใจสั่งซื้อติดต่อได้ที่โทร.087-441-0850 (ครูดวงใจ) มีบริการจัดส่งทั่วประเทศ

 

 

 

Email ข่าวการศึกษา เยาวชน ศิลปวัฒนธรรม  saowaporn@hotmail.com   และ  bat_mamsao@yahoo.com