วันอาทิตย์ ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2567 17:06 น.

การศึกษา

"ณพลเดช" ปลื้ม "พระพรหมสิทธิ-พระพรหมดิลก" หวนคืนสู่กรรมการมหาเถรสมาคม

วันศุกร์ ที่ 06 กันยายน พ.ศ. 2567, 16.22 น.

เมื่อวันที่ 6  กันยายน 23567  ดร.ณพลเดช มณีลังกา ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎรได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ความว่า ขอกราบอนุโมทนากับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ทรงพระกรุณาโปรดแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคมแทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 2 รูป ประกอบด้วย

1. พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมโม) วัดสามพระยา พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร
2. พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขณาโณ) วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร

จากกรณีนี้เบื้องต้น ตนขออนุโมทนาความเป็นพระผู้เสียสละ ของ พระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร) แห่งวัดปทุมคงคา และพระพรหมวัชรเมธี (สมเกียรติ โกวิโท) แห่งวัดอรุณราชวราม ซึ่งผมคุ้นกับทั้งสองท่านดี หากผู้ไม่รู้ก็เข้าใจว่าท่านลาออกเอง แต่ที่ผมทราบมา ถือเป็นเรื่องใหญ่แห่งวงการสงฆ์ ที่พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านได้สละตำแหน่งอัน ทรงเกียรติ เพื่อรักษาวงการสงฆ์ พูดถึงตรงนี้น้ำตาแห่งความปลื้มปีติมันล้นออกมาจากใจครับ ว่าพระพุทธศาสนาจะยั่งยืนมั่นคงอีกต่อไปอย่างแน่นอน ญาติโยมจำนวนมาก มาถามผมถึงการลาออกของท่าน บางคนก็อดใจไม่ได้เพราะเป็นลูกศิษย์ลูกหา ผมต้องบอกตรงนี้ว่าเรื่องนี้ถือเป็นการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ และจะยังความเจริญรุ่งเรืองให้กับวงการสงฆ์

เมื่อวานซืน ผมก็เข้ากราบท่านเจ้าคุณพระพรหมสิทธิ ที่วัดสระเกศ เรื่องที่น่าทึ่งที่ท่านเจ้าคุณท่านปรารถ เห็นจะยึดโยงกับปณิธาน ของหลวงพ่อสมเด็จเกี่ยว ที่ท่านดำเนินการเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาและไปไกลได้ถึงทั่วโลก มาซบเซาก็ช่วงหลังนี้ มี 3 ประเด็นที่ให้แนวคิดกับผมประกอบด้วย

1.เพิ่มพระสงฆ์ให้กับพุทธศาสนา
2.ส่งพระสงฆ์ไปต่างประเทศมากขึ้น (ขยายเวลา Passport 10 ปีให้พระ)
3.สร้างญาติโยมให้มั่นคงในพระพุทธศาสนา ปฏิบัติธรรมมากขึ้น

ต้องบอกเลยครับ ว่าขนลุกครับ แนวคิดนี้ นั่งคุยกับท่านเจ้าคุณพรหมสิทธิ ฉากหลังท่านคือรูปสมเด็จเกี่ยว ด้านหน้าคือพระพุทธเจ้า ผมว่าแนวคิดนี้แม้ย้อนไปสมัยพุทธกาล เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่และเรื่องหลัก แม้พระพุทธเจ้าประกาศศาสนาสิ่งที่พระองค์ทำอย่างไม่ลดละ คือ 3 ข้อข้างต้นนี้เลย โดยเฉพาะการเพิ่มพระสงฆ์ ท่านเจ้าคุณพรหมสิทธิ ปรารภว่า การบวชสมัยนี้ยากเกินไป เงื่อนไขเยอะควรแก้ไข พระที่ไปต่างประเทศยิ่งทำให้เขาไปน้อย ก็ขยายงานศาสนาได้น้อยลง ถ้าเขาไปแล้วสึก ก็ง่ายนิดเดียว “เราก็ส่งไปเพิ่ม” หารู้ไม่ คนที่สึกนั้นจะเป็นกำลังสำคัญอีกทางที่หวนกลับมาช่วยวงการศาสนา การให้ญาติโยมอยู่ในศีล 5 ให้มากขึ้นควรเอาพระเข้ามาอบรม ซึ่งแนวคิดผมคือควรผลักดัน กฎหมาย เพื่อให้รัฐมาสนับสนุนงานศาสนา ให้คนเข้าวัดฟังธรรม เหมือนบางศาสนาทำสำเร็จมาแล้ว งบประมาณเพียงเล็กน้อยนี้ จะทำให้เราลดคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอีกมาก ครับ

อย่างไรก็ถือเป็นนิมิตหมายอันดี ที่จะทำให้สังคมไทยที่เป็นเมืองพุทธ ได้เป็นเมืองพุทธที่แท้จริง เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ น่าหลงใหล เป็นสยามเมืองยิ้ม ที่ฝรั่งหรือต่างชาติที่มาเมืองไทย ประทับใจดังในอดีต ไม่ลบเลือนครับ

ที่มา - https://www.facebook.com/share/aG71WJBhv2fWYzBk/?mibextid=WC7FNe

หน้าแรก » การศึกษา