วันศุกร์ ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2568 02:42 น.

การศึกษา

‘ครูแหม่ม’ ตีธงแจก ‘แท็บเล็ต’ นักเรียน-ครู 6 แสนเครื่อง ปรับให้พื้นที่ตั้งเรื่องเช่าเอง เน้นสะดวก-โปร่งใส

วันพุธ ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 17.22 น.

สพฐ.ล้มประมูล 3 โครงการเช่า-จัดซื้อ ‘แจกแท็บเล็ต’ เดิมที่โดนร้องส่อล็อกสเปก ‘นฤมล’ รับไม้ลุยต่อ ปรับแผนให้ สพท.จัดซื้อเอง มองสะดวกเคลม-อัปเดทมากกว่าส่วนกลาง ย้ำต้องโปร่งใส-ตรวจสอบได้

ฮือฮาใช้ 1.4 หมื่นล้านบ.ตลอด 5 ปี ลดฮวบเท่าตัวสมัย ‘ครูอุ้ม’ ที่ตั้งไว้มโหฬาร 3 หมื่นกว่าล้านบ. ปีนี้ใช้ 1.2 พันล้านบ.นำร่อง ได้ครบนักเรียน-ครู 6 แสนชีวิต เปิดสเปกจัดเต็ม-อุปกรณ์ครบ-เน็ตแรง แถมเงื่อนไข ‘หาย-พัง’ เคลมได้

 เมื่อวันที่ 30  กรกฎาคม 2568  รายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการแจ้งว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ โดย ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ได้ลงนามประกาศ 3 ฉบับ ซึ่งเป็นประกาศยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้างและเช่าใช้อุปกรณ์การเรียนการสอน, เช่าใช้ระบบประมวลผลแบบคลาวด์ และซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูปพร้อมพัฒนาแพลตฟอร์ม ในโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ทุกเวลา (Anywhere Anytime) ระยะที่ 2 (เฟส 2)



ก่อนหน้านี้ สพฐ. ได้ประกาศเชิญชวนเข้าร่วมประกวดราคาด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ผ่านระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (e-GP) ของกรมบัญชีกลาง ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยระบุเหตุผลที่ยกเลิกในทำนองเดียวกันว่า เนื่องจากมีผู้ยื่นข้อเสนอราคาตรงตามเงื่อนไขเพียงรายเดียว และเพื่อปรับรายละเอียดโครงการให้เหมาะสมกับความต้องการของครูและนักเรียนในแต่ละพื้นที่ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการและงบประมาณแผ่นดิน

ทั้งนี้ ได้ประกาศยกเลิกในส่วนของการประกวดราคาเช่าใช้อุปกรณ์การเรียนการสอน เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 68 ส่วนการประกวดราคาเช่าใช้ระบบประมวลผลแบบคลาวด์ และประกาศประกวดราคาซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูปพร้อมพัฒนาแพลตฟอร์ม เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 68

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ทุกเวลา (Anywhere Anytime) หรือที่รู้จักกันในชื่อโครงการแจกแท็บเล็ต ภาค 2 เป็นการรวมกันของ 2 นโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งปี 2566 คือ นโยบาย ‘Free tablet for all’ หรือโครงการ 1 นักเรียน 1 แท็บเล็ต และโครงการ 1 ครู 1 แท็บเล็ต อย่างไรก็ดี ภายหลังจัดตั้งรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ได้จัดสรรให้ พรรคภูมิใจไทย ดูแล กระทรวงศึกษาธิการ โดยมี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรีว่าการ และนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ ก่อนปรับชื่อเป็นโครงการจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ ‘ทุกที่ ทุกเวลา’ หรือ ‘Anywhere Anytime’

สำหรับโครงการ ‘Anywhere Anytime’ ได้รับการอนุมัติงบประมาณจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แบ่งเป็น 3 โครงการ วงเงินรวม 37,281 ล้านบาท ส่วนใหญ่ 29,765 ล้านบาท เป็นงบประมาณผูกพัน 5 ปี (พ.ศ. 2569-2574) สำหรับเช่าแท็บเล็ต, โน้ตบุ๊ก หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ปรับเพิ่มมาในภายหลัง พร้อมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และสัญญาณอินเทอร์เน็ตคุณภาพสูง ซึ่งเป็นโครงการในระยะที่ 2 หลังจากที่เมื่อปีงบประมาณ 2567 สพฐ. ได้รับจัดสรรงบประมาณ 482.26 ล้านบาท ดำเนินโครงการพัฒนาระบบนิเวศทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น เช่าใช้ระบบคลาวด์ และจ้างที่ปรึกษาพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แห่งชาติ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นฐาน (NDLP) ซึ่งถือเป็นระยะที่ 1 ไปแล้ว ส่วนอีก 4,214 ล้านบาท เป็นโครงการส่งเสริมการศึกษาเท่าเทียมด้วยระบบดิจิทัลพัฒนาทักษะและเครดิตพอร์ตโฟลิโอ (The Digital Skill/Credit Portfolio : Empowering Educations) นอกจากนี้ยังมีส่วนโครงการส่งเสริมการเรียนรู้อาชีวศึกษาฯ 3,302 ล้านบาท ซึ่งจะแจกแท็บเล็ต หรือโน้ตบุ๊กให้กับนักเรียนอาชีวศึกษาในระยะถัดไปด้วย

โดยเดิมทีช่วงที่พรรคภูมิใจไทยยังร่วมรัฐบาลและกำกับกระทรวงศึกษาธิการอยู่ ได้มีการประกาศว่า ในช่วงเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2568 จะนำร่องจัดสรรแท็บเล็ต หรืออุปกรณ์อื่นให้แก่นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ในกลุ่มโรงเรียนคุณภาพชุมชนและโรงเรียนขยายโอกาส จำนวนกว่า 6 แสนคน และจะขยายจนครบ 1.2 ล้านคนในปีงบประมาณ 2569 ที่อาจจะขยายผลไปยังนักเรียนชั้นมัธยมต้นในโรงเรียนคุณภาพได้บางส่วนด้วย

กระทั่งพรรคภูมิใจไทยประกาศถอนตัวจากรัฐบาล โครงการที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการ ‘Anywhere Anytime’ ทั้งการเช่าแท็บเล็ต หรือโน้ตบุ๊ก, โครงการเช่าระบบคลาวด์ และโครงการพัฒนาแพลตฟอร์มจัดการเรียนรู้แห่งชาติ ที่เข้าสู่กระบวนการประกาศเชิญชวนประกวดราคาแล้ว ได้ถูก นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงศึกษาธิการ ได้สั่งให้ระงับขั้นตอนการประกวดราคาทั้งหมด หลังได้รับข้อมูลร้องเรียนว่า มีการกำหนดขอบเขตงาน (ทีโออาร์) ไม่โปร่งใส เข้าข่ายล็อกสเปก กีดกันการแข่งขัน เพื่อเอื้อเอกชนบางราย ซึ่งน่าจะเป็นเหตุสำคัญที่เลขาธิการ กพฐ. ลงนามในประกาศยกเลิกการประกวดราคาทั้ง 3 ฉบับข้างต้น

แต่ภายหลังประกาศยกเลิกการประกวดราคาเผยแพร่เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 68 ถัดมาเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 68 ที่โรงเรียนราชวินิต กทม. นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เป็นประธานการประชุมชี้แจงทำความเข้าใจการเช่าอุปกรณ์การเรียนการสอนตามโครงการ ‘Anywhere Anytime’ ให้แก่เจ้าหน้าที่รูปแบบกลุ่มบริหารการเงินและสินทรัพย์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) รวม 118 เขตพื้นที่ ถือเป็นการยืนยันว่า จะยังเดินหน้าโครงการแจกแท็บเล็ตต่อไป แต่ปรับจากเดิมที่ สพฐ. จะเป็นผู้จัดซื้อจัดจ้างจากส่วนกลางทั้งหมด ให้เป็น สพท. ในแต่ละพื้นที่ 118 แห่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเอง เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคตช่วงเช่าซื้อ 5 ปี หากอุปกรณ์ชำรุดเสียหายหรือต้องอัปเดตข้อมูล จะสามารถทำจากเขตพื้นที่ได้ทันที เบื้องต้นในปีการศึกษา 2568 จะใช้วงเงินราว 1,221 ล้านบาท สำหรับเช่าอุปกรณ์เป็นเวลา 5 เดือนให้แก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 กลุ่มโรงเรียนคุณภาพและโรงเรียนขยายโอกาส 1,018 แห่ง

ในที่ประชุม นางนฤมล ได้กำชับให้ สพท. เขตพื้นที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้ตรงตามข้อกฎหมาย และระเบียบวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง อย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในเอกสารประกอบการประชุมชี้แจงทำความเข้าใจการเช่าใช้อุปกรณ์การเรียนการสอนภายใต้โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ทุกเวลา (Anywhere Anytime) เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 68 นั้น ได้ระบุถึงงบประมาณการดำเนินโครงการเช่าใช้อุปกรณ์การเรียนการสอน สำหรับนักเรียน และครู จำนวน 617,250 เครื่อง งบประมาณผูกพันตั้งแต่ปี 2568-2574 เป็นเงินราว 14,647 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนของนักเรียน 557,647 เครื่อง งบประมาณราว 13,232 ล้านบาท และสำหรับครู 59,603 เครื่อง งบประมาณราว 1,414 ล้านบาท ในรายละเอียดยังได้ระบุราคาค่าเช่า 395.50 ต่อเดือน/เครื่อง รวม 60 เดือน หรือ 5 ปี รวมมูลค่าเครื่องละ 23,730 บาท

โดยเป็นที่สังเกตว่า งบประมาณโครงการ ‘Anywhere Anytime’ ในยุคนางนฤมลต่ำกว่ายุค พล.ต.อ.เพิ่มพูน ที่กำหนดไว้ 29,765 ล้านบาทผูกพัน 5 ปีเช่นกัน ถึงราว 1 เท่าตัวด้วยกัน
สำหรับร่างทีโออาร์ที่ สพฐ. ปรับปรุงใหม่ได้กำหนดคุณสมบัติของอุปกรณ์หลัก (แท็บเล็ต, โน้ตบุ๊ก หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ) ว่า ต้องมีระบบประมวลผลอย่างน้อย CPU Core 2 Duo (3.0 GHz Dual-Core) หรือ CPU Core 2 Quad (2.4 GHz Quad-Core) หรือเทียบเท่า (4 MB Cache หรือมากกว่า), หน่วยความจำไม่น้อยกว่า 6 GB RAM DDR5/LPDDR5, พื้นที่จัดเก็บข้อมูล (Harddisk) ไม่น้อยกว่า 128 GB, พื้นที่สำรองข้อมูล (Cloud) ไม่น้อยกว่า 5 GB, หน้าจอระบบสัมผัส (ทัชสกรีน) ขนาดไม่น้อยกว่า 10 นิ้ว ความละเอียด 1,366x768 พิกเซลขึ้นไป รองรับปากกาเขียนหน้าจอสามารถวาด เขียน ระบายได้ (หากเป็นโน้ตบุ๊ก ต้องสามารถพับจอแสดงผลได้ 360 องศา หรือสามารถแยกชิ้นส่วนจอแสดงผลกับคีย์บอร์ดจากกันได้), กล้องความละเอียดไม่น้อยกว่า 1,280x720 พิกเซล (720P)

มีช่องเชื่อมต่อ (Interface) แบบ USB Type C ไม่น้อยกว่า 1 ช่อง, รองรับ Wi-Fi (IEEE 802.11 ax) และ Bluetooth 5.2 หรือดีกว่า รองรับ SIM หรือ eSIM เชื่อมต่อเครือข่ายแบบ 4G (LTE) หรือดีกว่า, แบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง, ระบบปฏิบัติการสามารถอัปเดตความปลอดภัยให้เป็นปัจจุบันตลอดระยะเวลาตามสัญญาให้บริการ และมีการป้องกันการโจมตีไม่ให้แอปพลิเคชันของบุคคลที่สาม (Third Party) สามารถเข้าถึงหรือเปลี่ยนแปลงส่วนหลักของระบบปฏิบัติการ, มีโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันสำหรับการใช้งานอีเมล สร้างเอกสาร สเปรดชีต นำเสนอข้อมูล และจดบันทึก เป็นอย่างน้อย, มีหมายเลขประจำเครื่อง (Serial Number), ชิปความปลอดภัย พร้อมอุปกรณ์เสริม ประกอบด้วย ปากกาดิจิทัล รองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์การเรียนการสอนแบบ Active หรือดีกว่า จำนวน 1 ด้าม, อะแดปเตอร์พร้อมสายชาร์จ USB Type C จำนวน 1 ชุด, ไฟล์คู่มือการใช้งาน ภาษาไทย 1 ชุด และกรณีเป็นแท็บเล็ต ต้องมีแป้นพิมพ์ (คีย์บอร์ด) รองรับการใช้งานได้ทั้งภาษาไทย-อังกฤษ 1 ชุด

ทั้งนี้ ต้องรับประกันตัวเครื่อง หากมีความเสียหาย หรือสูญหาย โดยพิสูจน์ได้ว่าไม่เป็นการทุจริต ผู้ให้เช่าต้องทำการเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้โดยเร็วตามเงื่อนไขของสัญญา.
 

หน้าแรก » การศึกษา

ข่าวในหมวดการศึกษา