วันศุกร์ ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2568 02:39 น.

การศึกษา

บทบาทพระสงฆ์กับข้าราชการในการสร้างชาติไทย

วันพฤหัสบดี ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 10.37 น.

การสร้างชาติไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมิได้เป็นผลลัพธ์จากกลไกการเมืองการปกครองเพียงด้านเดียว หากแต่เป็นผลจากความร่วมมือระหว่างสองกลไกสำคัญ ได้แก่ พระสงฆ์ และ ข้าราชการ สองสถาบันนี้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงอย่างลึกซึ้ง ทั้งในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข โดยพระสงฆ์ทำหน้าที่หล่อหลอมด้านจิตใจและคุณธรรม ส่วนข้าราชการทำหน้าที่เป็น “กระดูกสันหลัง” ของรัฐในการขับเคลื่อนนโยบายและการพัฒนา ประเทศไทยจึงเป็นตัวอย่างของสังคมที่มีการบูรณาการระหว่าง “วิถีพุทธ” และ “ระบบราชการ” ในการสร้างรัฐชาติ

1. บทบาททางประวัติศาสตร์: จากสยามสู่รัฐไทย

รากฐานความสัมพันธ์ระหว่างพระสงฆ์และข้าราชการสามารถสืบย้อนถึงสมัยสุโขทัย โดยเฉพาะในรัชสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (พระยาลิไท) ที่นำ ไตรภูมิพระร่วง มาใช้เป็นชุดความคิดหลักในการปกครอง แทนมนูศาสตร์แบบรัฐมอญ พระสงฆ์มีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่คำสอนพุทธศาสนาเพื่อปลูกฝังคุณธรรมแก่ข้าราชการและพลเมือง การบริหารบ้านเมืองจึงถูกหล่อหลอมด้วยหลักพุทธธรรม

เมื่อเข้าสู่ยุครัตนโกสินทร์ ระบบราชการถูกจัดระเบียบใหม่ แต่พระสงฆ์ยังคงเป็นกลไกสำคัญในการสืบทอดความรู้ จัดการศึกษา และเป็นที่พึ่งทางใจของประชาชน ข้าราชการจึงได้รับการเกื้อหนุนทั้งด้านคุณธรรมและการศึกษา สะท้อนถึงการทำงานเสริมแรงกันของสองสถาบัน

2. พระสงฆ์กับการเสริมสร้างหลักคิด “Good Governance”

ในสังคมไทยยุคใหม่ บทบาทพระสงฆ์มิได้จำกัดอยู่ในพิธีกรรม หากยังทำหน้าที่สำคัญคือ การเสริมพลังทางความคิดให้แก่ข้าราชการ ผ่านการบรรยายธรรม การอบรมจริยธรรม และการจัดกิจกรรมพัฒนาจิตใจ ทั้งนี้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 67 ที่กำหนดให้รัฐส่งเสริมและสนับสนุนการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเพื่อการพัฒนาจิตใจและปัญญา

บทบาทดังกล่าวจึงเท่ากับเป็นการ Empower ข้าราชการในการปฏิบัติหน้าที่ตามหลัก การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (Good Governance) โดยพระสงฆ์ช่วยบ่มเพาะคุณธรรมความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และการทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

3. บทบาทพระสงฆ์ในกิจการสังคมและรัฐ

พระสงฆ์มิได้จำกัดบทบาทเฉพาะในวัดหรือด้านจิตใจเท่านั้น แต่ยังมีส่วนร่วมกับภาครัฐและราชการในหลายด้าน ได้แก่

งานสังคมสงเคราะห์: ช่วยเหลือเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ประสบภัย

งานสาธารณูปการ: สร้างโรงเรียน โรงพยาบาล และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ

งานศึกษา: มอบทุนการศึกษา ส่งเสริมการเรียนรู้แก่เยาวชน

งานด้านสิ่งแวดล้อมและสาธารณภัย: เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ไฟไหม้ หรือภัยพิบัติอื่นๆ

กิจกรรมเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า พระสงฆ์และข้าราชการเป็นพันธมิตรในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศทั้งมิติ SDGs (Sustainable Development Goals) และ IDGs (Inner Development Goals) โดยที่พระสงฆ์ช่วยเสริมสร้างทุนทางจิตใจให้แก่ข้าราชการ

4. ปัญหาและการรักษาสมดุล

แม้บางครั้งพระสงฆ์บางรูปอาจประสบปัญหาจากการยึดติดกิเลสหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แต่ข้าราชการในฐานะ “บัณฑิตชน” ก็ยังคงมีสติปัญญาแยกแยะและเลือกนำคุณค่าหลักของพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ในการบริหารงาน อีกทั้งยังมีระบบกลไกของรัฐในการจัดการและฟื้นฟูความน่าเชื่อถือของสถาบันสงฆ์ เพื่อรักษาสมดุลของบทบาททั้งสอง

5. กรณีศึกษา: การอบรมและบรรยายแก่ข้าราชการ

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือการบรรยายธรรมแก่ข้าราชการในหลักสูตรสิทธิมนุษยชนสำหรับผู้บริหารระดับสูง (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม) และหัวข้อ “สติและสมาธิกับการบริหารชีวิตและการทำงาน” (สำนักงานพัฒนาข้าราชการอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการผสานบทบาทระหว่างพระสงฆ์และข้าราชการในระดับโครงสร้างรัฐ

ดังนั้น พระสงฆ์และข้าราชการคือ สองกลไกคู่ขนาน ที่ร่วมกันสร้างชาติไทยมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ข้าราชการทำหน้าที่เป็นกลไกเชิงโครงสร้างและนโยบาย ขณะที่พระสงฆ์ทำหน้าที่หล่อหลอมคุณธรรม จริยธรรม และเสริมพลังทางจิตใจให้กับระบบราชการ การประสานพลังของสองสถาบันนี้ไม่เพียงสร้าง “รัฐชาติไทย” แต่ยังเป็นรากฐานให้สังคมไทยพัฒนาสู่การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี อันมีคุณธรรมและความยั่งยืนเป็นหลัก

ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก Hansa  Dhammahaso    พระเมธีวัชรบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดใหม่ยายแป้น เขตบางขุนนนท์ กรุงเทพฯ  ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษาระดับปริญญาเอก มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย บรรยายแก่นักศึกษาหลักสูตรสิทธิมนุษยชนสำหรับผู้บริหารระดับสูง กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม และการบรรยาย หัวข้อ สติและสมาธิกับการบริหารชีวิตและการทำงาน #สำนักงานพัฒนาข้าราชการอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด

หน้าแรก » การศึกษา