เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2568 ดร.สิรพร พิทยโสภณ รองผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เข้าร่วมการประชุม เครือข่ายอาจารย์ นักวิชาการ และนักศึกษาด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์จากสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ที่จัดขึ้นโดยคณะวิทยาศาสตร์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ภายใต้หัวข้อ “การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยนวัตกรรม งานวิจัย และเทคโนโลยี สู่อนาคต” ณ โรงแรมทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 260 คน ครอบคลุมบุคลากร คณาจารย์ นักศึกษา และผู้บริหาร

โดยการประชุมดังกล่าว มุ่งแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ผลงานวิจัย และประสบการณ์ระหว่างสถาบันการศึกษา หน่วยงานวิจัย และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาหลักสูตรและต่อยอดนวัตกรรมทางการแพทย์ให้สอดคล้องกับความต้องการของสังคม พร้อมเปิดเวทีให้นักวิจัยและนักศึกษารุ่นใหม่แสดงศักยภาพและสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับประเทศ ภายในงานมีทั้งการบรรยายพิเศษ การนำเสนอผลงานวิชาการ และเวทีเสวนาเชิงลึกเพื่อกระตุ้นแนวคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่ใช้ได้จริง

นอกจากนี้ ดร.สิริพร ยังได้กล่าวได้เสวนาในหัวข้อ “การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยนวัตกรรม งานวิจัย และเทคโนโลยี สู่อนาคต” โดยขี้ให้เห็นถึงเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติและการลงทุน R&D เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่ประเทศรายได้สูงภายในปี 2580 โดยตั้งเป้าสัดส่วนการลงทุน R&D ต่อ GDP ที่ 1.7% ภายในปี 2570 และ 2% ภายในปี 2580 แบ่งเป็นการลงทุนจากภาครัฐ 30% และเอกชน 70%

ดร.สิริพร ยังเปิดเผยงบประมาณสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ ปี 2566–2569 ครอบคลุม 5 หมวด ได้แก่ วัคซีน, ATMPs และวัคซีนรุ่นใหม่, เครื่องมือแพทย์, จีโนมิกส์ และสมุนไพร/สารสกัด โดยปี 2566 ใช้งบ 2,437.84 ล้านบาท ปี 2567 ลดลงเหลือ 1,676.52 ล้านบาท ปี 2568 เพิ่มเป็น 2,459.52 ล้านบาท และปี 2569 เหลือ 670.21 ล้านบาท

ในด้านการศึกษา ดร.สิริพร ชี้ให้เห็นแนวโน้มจำนวนนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่ลดลงถึง 22% ในรอบ 14 ปี โดยปริญญาตรีลดลงมากที่สุด ขณะที่บุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาเพิ่มขึ้น 47% ในรอบ 6 ปี ส่วนงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในปี 2563 อยู่ที่ 109,550 ล้านบาท คิดเป็น 20% ของงบการศึกษาทั้งหมด 

สำหรับบุคลากรสายการแพทย์ ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ระบุว่าจะมีอาจารย์เกษียณอายุภายใน 5 ปี รวม 690 คน แบ่งเป็นสาขาแพทยศาสตร์ 590 คน และสายการวินิจฉัย/เทคโนโลยีการรักษา 100 คน ซึ่งอาจกระทบต่อกำลังการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ของประเทศ 

ด้านนโยบายการพัฒนากำลังคนของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้ขับเคลื่อนโครงการตามแผน Skill Mapping เพื่อผลิตบุคลากรตอบโจทย์ประเทศ ครอบคลุมสาขาเกษตรสมัยใหม่ การตลาดดิจิทัล การก่อสร้างรูปแบบใหม่ ยานยนต์ไฟฟ้า และนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล ผ่านโครงการสำคัญ เช่น Reskill/Upskill, ผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่, พัฒนาแรงงานวัยทำงาน (GenNX) และบริการ STEM One-stop Service เพื่อเชื่อมโยงการวิเคราะห์ความต้องการ การจับคู่หลักสูตร และการสนับสนุน R&D อย่างครบวงจร

รองผู้อำนวยการ สอวช. กล่าวถึง ความต้องการกำลังคนในอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร ว่ามีความต้องการมากกว่า 71,207 ตำแหน่ง โดย 5 อาชีพที่มีความต้องการสูงสุด ได้แก่ 1. พยาบาล 21,708 ตำแหน่ง 2. นักวิทยาศาสตร์เคมี 18,980 ตำแหน่ง 3. เภสัชกร 8,189 ตำแหน่ง 4. นักกายภาพบำบัด 6,906 ตำแหน่ง และ 5. นักเทคนิคการแพทย์ 6,450 ตำแหน่ง

สำหรับแนวทางเตรียมความพร้อมด้านกำลังคน ดร.สิริพร กล่าวว่า ต้องพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI, Big Data และประสบการณ์ภาคสนามจริง ส่งเสริมการฝึกงานแบบ On-the-job training พัฒนาหลักสูตรที่เน้นเทคโนโลยี–ESG สนับสนุน Soft Skills และสมรรถนะเฉพาะสายอาชีพทางการแพทย์