วันพุธ ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2568 01:59 น.

การศึกษา

“สุชาติ” เผยเตรียมสึก “พระอลงกต” พร้อมเดินหน้าสังคายนาคณะสงฆ์ครั้งใหญ่ กอบกู้ศรัทธาพุทธศาสนา

วันอังคาร ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 13.31 น.

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีหลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานทางคดีเพื่อประกอบการพิจารณาลาสิกขา โดยขั้นตอนดังกล่าวเป็นอำนาจของมหาเถรสมาคม (มส.) ซึ่งตามระเบียบใหม่ หากมีหลักฐานชัดเจนว่าพระภิกษุประพฤติผิดวินัยและก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย ก็สามารถดำเนินการได้ทันที ไม่จำเป็นต้องสอบสวนยืดเยื้อเหมือนที่ผ่านมา

นายสุชาติ ระบุว่า หลังการลาสิกขา สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะตรวจสอบเพิ่มเติม โดยเฉพาะประเด็นการใช้เงินวัด ขณะที่สำนักพุทธศาสนาจังหวัดลพบุรีจะเข้าไปจัดการสะสาง และคาดว่าวันนี้จะมีการแต่งตั้งพระภิกษุในพื้นที่เข้ามารักษาการเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ โดยต้องลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบลเดิมเพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อน

ส่วนความคืบหน้าการสังคายนาคณะสงฆ์ นายสุชาติ เปิดเผยว่า ได้หารือกับกรรมการมหาเถรสมาคมแล้ว ซึ่งมีความเห็นสอดคล้องว่าถึงเวลาต้องเข้มงวดจริงจัง แม้คำว่า “สังคายนา” อาจฟังดูรุนแรง แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อกอบกู้ศรัทธาพุทธศาสนาที่กำลังเผชิญวิกฤติ หากปล่อยปละละเลย ปัญหาจะยิ่งสะสมและบานปลายหนักขึ้น

“สมเด็จซึ่งเป็นกรรมการ มส. ท่านก็เป็นห่วง และเห็นด้วยที่จะต้องมีการเคร่งครัด ไม่เช่นนั้นวิกฤติศาสนาจะยิ่งเลวร้าย เราจึงต้องเริ่มต้นทำอย่างจริงจัง” นายสุชาติ กล่าว

 แนวทางแก้วิกฤติคณะสงฆ์ไทยปัจจุบันตามหลักในพระไตรปิฎก
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะสงฆ์ไทยในปัจจุบันเผชิญกับวิกฤติหลายมิติ ทั้งด้านความน่าเชื่อถือ การปกครองภายใน ความแตกต่างระหว่างพระรุ่นเก่าและพระรุ่นใหม่ ปัญหาการทุจริตและความประพฤติที่ไม่เหมาะสม ตลอดจนความท้าทายจากสังคมสมัยใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว วิกฤติเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อศรัทธาของพุทธศาสนิกชน และบั่นทอนบทบาทของพระพุทธศาสนาในฐานะหลักยึดทางจิตใจของสังคมไทย

พระไตรปิฎกในฐานะมรดกธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงเป็นแหล่งอ้างอิงสำคัญในการค้นหาแนวทางแก้ไขวิกฤติคณะสงฆ์ไทย โดยเฉพาะในประเด็นการปกครองสงฆ์ ความประพฤติของภิกษุ การธำรงพระธรรมวินัย และการสร้างความสามัคคีภายในสงฆ์

สถานการณ์วิกฤติคณะสงฆ์ไทยปัจจุบัน
วิกฤติศรัทธา – เกิดจากข่าวอื้อฉาวเรื่องเงินทอง วัตถุนิยม และพฤติกรรมไม่เหมาะสมของพระบางรูป

วิกฤติการปกครอง – ระบบปกครองแบบรวมศูนย์ ขาดการมีส่วนร่วมของพระในพื้นที่ และขาดความโปร่งใส

วิกฤติการสืบทอด – ความแตกต่างระหว่างพระรุ่นเก่าที่เน้นจารีต กับพระรุ่นใหม่ที่ต้องการปรับตัวสู่บริบทสังคมร่วมสมัย

วิกฤติบทบาทสังคม – พระพุทธศาสนาถูกตั้งคำถามในความสามารถตอบโจทย์สังคมสมัยใหม่ เช่น เยาวชน เทคโนโลยี และสังคมพหุวัฒนธรรม

หลักพระไตรปิฎกที่เป็นแนวทางแก้ปัญหา
หลักธรรมวินัย (Vinaya)

พระวินัยปิฎกกำหนดข้อปฏิบัติของภิกษุอย่างละเอียด เพื่อป้องกันความเสื่อมศรัทธา เช่น การห้ามเกี่ยวข้องกับเงินทอง การครองชีวิตอย่างสมถะ และการรักษาศีลอย่างเคร่งครัด

แนวทางแก้ไข: คณะสงฆ์ควรฟื้นฟูการศึกษาพระวินัยอย่างจริงจัง ใช้กระบวนการสอบอธิกรณ์ (การไต่สวนข้อพิพาทตามพระวินัย) แก้ไขข้อขัดแย้ง และจัดการพระที่ประพฤติผิดโดยยึดหลัก “ธรรมาธิปไตย” ไม่ใช่ “บุคคลาธิปไตย”

หลักสัปปุริสธรรม (ธรรมของสัตบุรุษ – ที.ปา. 11/191/207)

ได้แก่ รู้เหตุ รู้ผล รู้ตน รู้ประมาณ รู้กาล รู้ชุมชน และรู้บุคคล

แนวทางแก้ไข: ผู้บริหารคณะสงฆ์ควรใช้สัปปุริสธรรมเป็นหลักคิดในการตัดสินใจเชิงนโยบาย โดยเฉพาะการปฏิรูปการปกครองสงฆ์ให้เหมาะสมกับกาลสมัย

หลักสังคหวัตถุ 4 (องฺ.จตุกฺก. 21/52/65)

ได้แก่ ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตตา

แนวทางแก้ไข: ใช้สังคหวัตถุเป็นเครื่องมือสร้างศรัทธากับประชาชน โดยเน้นการเผยแผ่ การช่วยเหลือสังคม การพูดจาอ่อนโยน และการประพฤติเป็นแบบอย่าง

หลักสันติธรรมและสามัคคีธรรม (สํ.สคา. 15/133/117)

พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า “ความสามัคคีเป็นเหตุแห่งความเจริญ ความแตกแยกเป็นเหตุแห่งความเสื่อม”

แนวทางแก้ไข: ส่งเสริมการประชุมสงฆ์ การฟังความคิดเห็นร่วมกัน การใช้วิธีอุโบสถสังฆกรรมอย่างถูกต้อง เพื่อสร้างเอกภาพ

หลักอิทธิบาท 4 (สํ.มหา. 19/1204/392)

ได้แก่ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา

แนวทางแก้ไข: ใช้เป็นกรอบในการพัฒนาพระสงฆ์ให้มีความเพียร มีความมุ่งมั่น และใช้ปัญญาแก้ไขปัญหาสังคม

แนวทางสังเคราะห์เพื่อคณะสงฆ์ไทย
จากหลักพระไตรปิฎกข้างต้น สามารถสังเคราะห์เป็นแนวทางแก้วิกฤติคณะสงฆ์ไทยดังนี้

ปฏิรูปด้วยพระธรรมวินัย – ใช้วินัยเป็นกรอบแก้ปัญหาพฤติกรรมและความน่าเชื่อถือ

ปรับระบบการปกครองสงฆ์ – ให้สอดคล้องกับหลักสัปปุริสธรรมและสามัคคีธรรม ลดการรวมศูนย์ เพิ่มความโปร่งใส

เสริมสร้างบทบาททางสังคม – ใช้สังคหวัตถุ 4 และอิทธิบาท 4 ในการเข้าถึงประชาชนและตอบโจทย์สังคมใหม่

สร้างความสมดุลระหว่างจารีตกับนวัตกรรม – โดยยึดหลัก “มัชฌิมาปฏิปทา” เป็นแนวคิดกลางในการพัฒนาคณะสงฆ์

ดังนั้น วิกฤติคณะสงฆ์ไทยเป็นทั้งวิกฤติศรัทธา วินัย และการปกครอง ซึ่งส่งผลกระทบต่อพุทธศาสนิกชนและสังคมโดยรวม การแก้ไขจำเป็นต้องหวนกลับไปสู่รากฐานในพระไตรปิฎก โดยเน้นพระธรรมวินัยเป็นหลัก สอดคล้องกับหลักสัปปุริสธรรม สังคหวัตถุ สามัคคีธรรม และอิทธิบาท 4 อันเป็นแนวทางที่ไม่เพียงแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังสร้างความยั่งยืนให้คณะสงฆ์สามารถดำรงอยู่คู่สังคมไทยได้อย่างมั่นคง
 

หน้าแรก » การศึกษา