วันจันทร์ ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2568 02:07 น.

การศึกษา

“ก้าวแรกสู่อนาคตที่ใช่” กับโครงการ Pre-University ม.รังสิต

วันศุกร์ ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2568, 10.12 น.

“ก้าวแรกสู่อนาคตที่ใช่” กับโครงการ Pre-University ม.รังสิต


 จากความร่วมมือทางวิชาการระหว่างวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต สำนักงานสวัสดิการสุขภาพ และโรงเรียนนานาชาติร่วมฤดีราชพฤกษ์ (RISR) เกิดเป็นโครงการฝึกงาน “Pre-University” ที่มุ่งมั่นเตรียมความพร้อมให้นักเรียนมัธยมปลายก่อนก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ผ่านประสบการณ์การทำงานจริงในสายอาชีพที่สนใจ 
    
ผศ.ดร.กฤษฎา ศรีแผ้ว คณบดีวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า โครงการ Pre-University ไม่ได้เป็นเพียงโครงการฝึกงานธรรมดา แต่คือพื้นที่ปลอดภัยสำหรับนักเรียนมัธยมที่ยังลังเลกับเส้นทางในอนาคต เป็นโอกาสในการทดลองชีวิตมหาวิทยาลัย ผ่านการฝึกทักษะการทำงาน และเสริมสร้างความมั่นใจก่อนตัดสินใจเลือกคณะหรือสายอาชีพ พร้อมความรู้และประสบการณ์ที่ใช้ได้จริงในชีวิตต่อไป
    
“โครงการนี้เปิดรับสมัครตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงปิดเทอม นักเรียนสามารถเลือกฝึกงานในหลากหลายหน่วยงานของมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นคลินิกศูนย์สุขภาพ สำนักงานนานาชาติ หรือแผนกอื่นๆ ที่สอดคล้องกับความสนใจ พร้อมการดูแลจากทีมอาจารย์และเจ้าหน้าที่ผู้มีประสบการณ์จริง นอกจากนี้ นักเรียนยังสามารถลงทะเบียนเรียนในรายวิชา "RSU180" หรือเรียกว่า "RSU My Style" รายวิชาที่เปิดให้กับน้องๆ นักเรียนระดับมัธยมศึกษา สามารถเก็บหน่วยกิตในรูปแบบน็อนดีกรี (Non-Degree) ได้ก่อนที่จะเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ประโยชน์ของโครงการนี้ที่ชัดเจนเลย นักเรียนจะได้เรียนรู้ตัวเอง รู้จักตัวเองว่า สิ่งที่เลือกใช่สิ่งที่ต้องการหรือเปล่า สาขาที่เลือกใช่สาขาที่ตัวเองสนใจจริงๆหรือเปล่า จากการได้ลงมือทำ และทั้งหมดทั้งมวลนักเรียนยังสามารถนำมาใช้ในการยื่นพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) ตอนสมัครเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยได้ กรณีอนาคตอยากเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยรังสิต นักเรียนก็สามารถใช้ในการเทียบโอนเข้ามาเป็นหน่วยกิตในมหาวิทยาลัยรังสิตได้เลยไม่ต้องมาเรียนซ้ำ โครงการ Pre-University คือตัวอย่างของการเรียนรู้เชิงรุกที่ตอบโจทย์นักเรียนยุคใหม่ มหาวิทยาลัยรังสิตยินดีต้อนรับโรงเรียนทุกแห่ง ที่สนใจร่วมเป็นพันธมิตรทางวิชาการ เพราะเราเชื่อว่า ก้าวแรกที่มั่นใจ คือจุดเริ่มต้นของคนคิดไกล ต้องขอขอบคุณ ผศ.ดร.ปถมาพร สุขปลั่ง ที่เป็นผู้ริเริ่มโครงการและผลักดันให้เกิดความร่วมมือกับโรงเรียน RISR พร้อมด้วย อ. Manaporn Chatchumni ผู้อำนวยการสำนักงานสวัสดิการสุขภาพ และทีมพี่เลี้ยงที่ดูแลน้องมุกอย่างใกล้ชิด รวมถึง อ. Guize Kittiphong อาจารย์ที่ปรึกษาผู้เป็นแรงสนับสนุนสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการนี้ตั้งแต่เริ่มต้น”
    

นางสาวณัฏฐ์ฎาพร ทิมประเสริฐ (มุก) นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา G10 โรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี ราชพฤษ์ กล่าวว่า แรงบันดาลใจสำคัญในการเข้าร่วมโครงการนี้ มาจากความตั้งใจที่จะหาประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนา Passion Projects ของตัวเองในโรงเรียน โดยเฉพาะในหัวข้อที่เกี่ยวกับสุขภาพและวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอหลงใหลมาตั้งแต่เด็ก และมีความฝันว่าอยากทำงานในสายการแพทย์ในอนาคต
    
“หนูทราบจากโรงเรียนเกี่ยวกับโครงการฝึกงานนี้ และรู้สึกตื่นเต้นมากๆ เพราะนี่คือโอกาสสำคัญที่จะได้ใกล้ชิดกับการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์อย่างแท้จริง โดยตลอด 3 สัปดาห์ที่ได้ฝึกงานที่สำนักงานสวัสดิการสุขภาพ มหาวิทยาลัยรังสิต หนูได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ในพื้นที่ต่าง ๆ ตั้งแต่ห้องฉุกเฉิน (ER) ห้องตรวจ ห้องยา ไปจนถึงจุดคัดกรองหน้าเคาน์เตอร์พยาบาล ซึ่งถือเป็นจุดที่ท้าทายที่สุด เพราะต้องเรียนรู้การตั้งคำถามกับผู้ป่วยอย่างระมัดระวัง และมีความละเอียดอ่อน ทำให้ต้องพยายามให้มากขึ้น หมั่นคอยสอบถามพี่ ๆ บุคลากรที่ทำงานจริง และจดบันทึกสิ่งที่ได้เรียนรู้เพื่อนำไปศึกษาต่อด้วยตนเอง หนึ่งในเหตุการณ์ที่หนูประทับใจมากที่สุด เป็นวันแรกที่ขออนุญาตเข้าดูเคสคนไข้จริงในห้องแพทย์ และอีกความภูมิใจก็จะเป็นช่วงเวลาที่เริ่มปรับตัวกับวิธีการเรียนรู้ในสถานการณ์จริงได้สำเร็จ ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้แน่ใจว่าสายอาชีพด้านสุขภาพคือสิ่งที่ “ใช่” สำหรับตัวเอง เพราะเป็นงานที่ได้อยู่เคียงข้างและดูแลผู้คนในช่วงเวลาที่พวกเขาอ่อนแอที่สุด”
    
นอกจากทักษะวิชาชีพ น้องมุกยังได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการสื่อสารกับผู้ป่วยด้วย ซึ่งมุกมองว่าการสื่อสารเป็นอีกเรื่องที่สำคัญมาก 
    
"เราจำเป็นต้องพูดความจริงกับคนไข้ แต่ต้องเลือกใช้คำพูดที่สุภาพและเหมาะสม เพราะการสื่อสารมีผลต่อความรู้สึกของผู้ป่วยอย่างมาก สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ไม่มีอยู่ในตำราเรียน แต่ต้องอาศัยเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง มุกตั้งใจจะศึกษาต่อในด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์ อยากฝากถึงเพื่อนๆ หรือ น้องๆ หากมีโครงการดีๆ และอยู่ในความสนใจของเรา ก็ไม่ควรลังเลเลยค่ะ ห้องเรียนจะกว้างมากขึ้น หรือจะกรอบสี่เหลี่ยมเท่าเดิม ก็อยู่ที่เราจะเป็นคนดีไซน์ให้กับตัวเอง เช่นโครงการนี้ สำหรับมุก ไม่เพียงแต่เป็นประตูสู่โลกการทำงานในอนาคต แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาความฝันที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในชีวิตด้วยค่ะ”

หน้าแรก » การศึกษา