การศึกษา
"นฤมล" สั่งปรับเกณฑ์สอบครูใหม่ ตั้งมาตรฐานครูการศึกษาพิเศษ พร้อมกำชับ สพฐ.ปรับเกณฑ์ประเมินนักเรียน เน้น พัฒนาศักยภาพ
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา ครั้งที่ 10/2568 โดยมีนายองอาจ วงษ์ประยูร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมการ และผู้ช่วยศาสตราจารย์อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา เข้าร่วม
ศ.ดร.นฤมล เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบผลการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ประจำปี 2568 ซึ่งมีผู้ผ่านการทดสอบจำนวน 14,925 คน คิดเป็นร้อยละ 54 ของผู้สำเร็จการศึกษาครูทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบางส่วนเห็นว่าผู้ที่สำเร็จการศึกษาด้านการศึกษาได้รับการประเมินตามระบบของแต่ละสาขาอยู่แล้ว ขณะที่บางสาขาที่เน้นทักษะเฉพาะ เช่น วิศวกรรม หรืองานช่าง ไม่สามารถวัดผลด้วยข้อสอบวิชาการ จึงอาจทำให้จำนวนผู้ผ่านการทดสอบไม่สูงเท่าที่ควร
“ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้ปรับหลักเกณฑ์การทดสอบใหม่ โดยเน้นการวัดความรู้ด้านวิชาชีพครูเป็นหลัก ลดหรือยกเลิกการทดสอบกลุ่มสาขาวิชา พร้อมทั้งชะลอการทดสอบรายกลุ่มสาขาวิชาในรอบถัดไป ซึ่งเดิมจะจัดเดือนมกราคม 2569 ออกไปก่อน”
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูการศึกษาพิเศษ พ.ศ. … ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นในการกำหนดมาตรฐานวิชาชีพครูการศึกษาพิเศษ เพื่อผลิตครูที่มีความรู้ความสามารถ สมรรถนะสูง และมีความเชี่ยวชาญในการจัดการเรียนการสอนสำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษโดยเฉพาะ
ในส่วนของการรับรองคุณวุฒิทางการศึกษา ที่ประชุมอนุมัติให้กับ 46 แห่ง จำนวน 131 หลักสูตร ครอบคลุม ปริญญาตรีทางการศึกษา 122 หลักสูตร ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู 6 หลักสูตร ปริญญาโททางการศึกษา (วิชาชีพบริหารการศึกษา) 2 หลักสูตร และปริญญาเอกทางการศึกษา 1 หลักสูตร นอกจากนี้ ยังอนุมัติการปรับแผนการรับนักศึกษาปริญญาตรีทางการศึกษาของ 3 แห่ง รวม 6 หลักสูตร
ภายหลังการประชุม ศ.ดร.นฤมล เปิดเผยว่า ตนได้มอบนโยบายให้ สพฐ. ปรับระบบการวัดและประเมินผลผู้เรียน โดยเน้นประเมินตามศักยภาพรายบุคคล ไม่ยึดเกณฑ์เดียวกันทั้งหมด เพื่อสนับสนุนการพัฒนาความสามารถด้านต่าง ๆ ของนักเรียน ทั้งด้านวิชาการ ศิลปะ กีฬา ภาษา และดนตรี
“ดิฉันฝากให้ สพฐ. พิจารณาเกณฑ์การประเมินนักเรียนรายบุคคล เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบผลการเรียนของตัวเองกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มเด็กระดับชั้นเดียว และเทียบกับผลการเรียนของคนเองในอดีตว่ามีพัฒนาการดีขึ้นหรือไม่ ไม่ใช่ประกาศผลแบบจัดลำดับเหมือนที่ผ่านมา และควรเลิกระบบดังกล่าวได้แล้ว นอกจากนั้น การให้คำจำกัดความเด็กเก่ง ไม่ควรมุ่งไปที่สายคณิต-วิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียว แต่ควรสนับสนุนความสามารถเฉพาะด้านของเด็กแต่ละคน เพื่อให้เด็กสามารถพัฒนาศักยภาพได้เต็มที่และไม่เสียโอกาสในการต่อยอดความสามารถเฉพาะด้านอื่นๆ“
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การศึกษา
Top 5 ข่าวการศึกษา ![]()
- ศูนย์ฯ สิริกิติ์ สร้างประสบการณ์นอกห้องเรียนปักหมุด “ศูนย์ประชุมแห่งการเรียนรู้” 1 ต.ค. 2568
- OKMD ผนึกพันธมิตร จัดงาน KM Forum 2025 ดึงผู้นำความรู้-นวัตกรรม ชี้องค์กรไร้ KM อยู่ยากในอนาคต 1 ต.ค. 2568
- "นฤมล" สั่งปรับเกณฑ์สอบครูใหม่ ตั้งมาตรฐานครูการศึกษาพิเศษ พร้อมกำชับ สพฐ.ปรับเกณฑ์ประเมินนักเรียน เน้น พัฒนาศักยภาพ 1 ต.ค. 2568
- จุฬาฯ – ม.เกษตรศาสตร์ ร่วมมือ สร้างบุคลากรทางการแพทย์ 1 ต.ค. 2568
- สำเร็จอีกก้าว “295 ครูรัก(ษ์)ถิ่นรุ่น 2” จบการศึกษาปริญญาตรีจาก 10 สถาบันผลิตครู พร้อมคืนถิ่นบรรจุ 285 โรงเรียนบ้านเกิดห่างไกล ต.ค.นี้ 1 ต.ค. 2568
ข่าวในหมวดการศึกษา ![]()
อธิการบดี มทร.สุวรรณภูมิ รับรางวัล “บุคคลต้นแบบด้านคุณธรรม จริยธรรม” 15:37 น.
- มอบรางวัลการประกวดภาพถ่ายต้านทุจริต 14:32 น.
- “สุรศักดิ์” เข้าศักการะสิ่งศักดิ์ประจำกระทรวง อว.พร้อมเตรียมประกาศนโยบาย Quick Win 13:31 น.
- นศ.สาขาการเงินและการลงทุน คว้ารางวัลชนะเลิศ พัฒนา Influencer สายการเงินรุ่นใหม่ 11:32 น.
- สมศ.จับมือ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สร้างรูปแบบการประกันคุณภาพภายนอก 07:02 น.