กรุงเทพประกันภัยโชว์Q1โกยเบี้ยรับรวม6.1พันล้าน

นายอภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บมจ.กรุงเทพประกันภัย (BKI) เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจประกันภัยในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 นี้ โดยมองว่า แม้ในภาพรวมของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศไทยจะมีอัตราการเติบโตที่ถดถอยอย่างชัดเจน การส่งออกหดตัวลดลง ยอดขายรถยนต์ใหม่ชะลอตัวเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันยังมองว่าเป็นความท้าทายของธุรกิจประกันภัยที่ต้องเผชิญในช่วงที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

“จากการคาดการณ์เศรษฐกิจของประเทศในปีนี้จีดีพีของประเทศอาจจะมีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลงจากผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะภาคบริการ ในส่วนของภาคท่องเที่ยวซึ่ง ได้รับผลกระทบหนักมากที่สุด โดยเฉพาะจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามในปีนี้มองว่าหากภาคท่องเที่ยวเริ่มฟื้น คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มมากขึ้นและเชื่อมั่นว่าจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าต่อไปได้”นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ทั้งนี้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 บริษัทมองว่าเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการธุรกิจประกันภัย รวมถึงยังเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลดี และเป็นการสร้างโอกาสที่ดีต่อภาคธุรกิจ รวมถึงยังเป็นให้ผู้บริโภคได้ตระหนักถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพและค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ทั้งนี้จากข้อมูลของ คปภ. ระบุว่า จากตัวเลขผู้ซื้อกรมธรรม์ประกันภัยไวรัสโควิด-19 มีเบี้ยประกันภัยรวมกว่า 3,000 กว่าล้านบาท หรือประมาณ 8.15 ล้านกรมธรรม์

สำหรับในปี 2563 นี้ บริษัทมีแผนและมีกลยุธ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยการรักษาอัตราการต่ออายุและขยายฐานลูกค้ารายย่อย การรับประกันภัยงานภาครัฐ ซึ่งคาดว่าจะได้เบี้ยจากงานเมกะโปรเจครวมกับเบี้ยประกันข้าวนาปี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มกว่า 500 ล้านบาท การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพให้ครอบคลุมถึงประกันภัยโควิด-19 การขยายงานในตลาดอาเซียนซึ่งคาดว่าจะมีเบี้ยประกันภัยรับต่อเพิ่มกว่า 100 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังได้เพิ่มการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการให้บริการอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรก ปี 2563 บริษัทสามารถทำเบี้ยประกันภัยรับรวมได้ที่ 6,136 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 25.3% มีกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังจากหักค่าใช้จ่ายดำเนินงาน 328.5 ล้านบาท และรายได้สุทธิจากการลงทุน 459.7 ล้านบาท กำไรก่อนหักภาษีเงินได้ 788 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อหักภาษีแล้วบริษัทมีกำไรสุทธิ 668,8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.9% อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายมีเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 22,800 ล้านบาท เติบโต 8%