วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2565 ดร.อรุณี กายานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวความว่า "เศรษฐกิจแย่ ของแพง ค่าแรงถูก ฝันร้ายของคนไทยในมือประยุทธ์"

วลีที่ว่า ‘ของแพงค่าแรงถูก’ นี่ไม่เกินจริงเลยนะคะ ปัจจุบันไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มองไม่เห็นอนาคตอันสดใสได้เลย มีพี่น้องประชาชนมาเล่าให้หญิงฟังหลายคนแล้วค่ะว่า พวกเขาเดือดร้อนกันมากและไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว โดยเฉพาะเรื่องสำคัญอย่างเศรษฐกิจปากท้องที่นับวัน ๆ มีแต่จะแย่ลงเรื่อย ๆ ถามว่าใครเป็นคนดูแลรับผิดชอบโดยตรงล่ะคะ ก็รัฐบาลชุดนี้และ พลเอก ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจนั่นแหละค่ะ

เมื่อไม่กี่วันก่อนไข่ไก่เพิ่งจะปรับราคาขึ้นอีกฟองละ 10 สตางค์ เป็นฟองละ 3.60 บาท ซึ่งเป็นการขึ้นราคาครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน ก่อนหน้านั้นก็มีข่าวว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะขึ้นราคาอีกซองละ 2 บาท จากเดิมซองละ 6 บาทเป็น 8 บาท ย้อนไปก่อนหน้านั้นอีก ค่าไฟงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. ก็ขึ้นราคาเฉลี่ยที่ 4.72 บาท ไม่นับสินค้าอุปโภคบริโภคที่ขึ้นราคาไปก่อนหน้านี้ และอีกหลายอย่างที่จ่อคิวจะขึ้นราคากันเต็มไปหมด หญิงจำได้ว่าท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะรองนายกฯและรมต.กระทรวงพาณิชย์ เพิ่งจะประกาศโชว์ผลงานตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเองนะคะ ถ้ามาม่าขึ้นราคานี่ถือเป็นการทำลายผลงานไม่กี่ชิ้นของท่านเลยนะคะ

แต่ที่สวนทางกับราคาสินค้าที่พุ่งขึ้นเอา ๆ คือ ค่าแรงที่ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและเศรษฐกิจไทยที่ไม่มีที่ท่าว่าจะดีขึ้นภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ มิหนำซ้ำยังดูว่าจะมีแต่ทรุดลงเรื่อย ๆ อีกต่างหาก ปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำของแรงงานไทยอยู่ที่ 336 บาทต่อวัน ทั้งนี้ในแต่ละจังหวัดก็มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำก็แตกต่างกัน ซึ่งต่ำสุดอยู่ที่ 313 บาทต่อวัน นอกจากนี้ จากการสำรวจของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่าแรงงานไทยดำรงชีพด้วยค่าแรงขั้นต่ำต่อวันที่ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายเนื่องจากสินค้าที่แพงขึ้น ขณะที่แรงงานเผชิญกับภาวะหนี้ครัวเรือน เฉลี่ย 217,952.59 บาท เพิ่มขึ้น 5.09% จากช่วงเดือนเมษายนปี 2564 ทำให้ปีนี้เป็นปีที่มีหนี้ครัวเรือนสูงที่สุดในรอบ 14 ปี และยังพบว่าแรงงานส่วนใหญ่ไม่มีเงินออมมากถึง 67.7%

แน่นอนค่ะว่าแรงงานไทยส่วนใหญ่มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาสภาพเศรษฐกิจและราคาสินค้ามากที่สุด และจากการสำรวจยังพบว่า แรงงานถึง 49% ที่เห็นว่าค่าจ้างขั้นต่ำไม่มีความเหมาะสมกับค่าครองชีพ เพราะราคาสินค้าที่แพงขึ้น รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย และเศรษฐกิจไม่ดี

เราลองมาดูกันบ้างค่ะว่า สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของไทยเป็นอย่างไรกันบ้าง ตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจไทยนั้นมีแนวโน้มที่แย่ลง โดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ออกมาเปิดเผยว่าภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรก (2565) ขยายตัวได้ 2.4% และในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ขยายตัวที่ 2.5% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ว่าในไตรมาสที่ 2 ของไทย เศรษฐกิจน่าจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3% ขณะเดียวกันสภาพัฒน์ยังมีการปรับการคาดการณ์ใหม่ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้น่าจะเติบโตที่ 2.7-3.2% ลดลงจากเดิมที่คาดว่าปีนี้น่าจะโตราว ๆ 2.5-3.5%

และถ้าเราพูดว่าเศรษฐกิจไม่ดีเพราะรัฐบาลทำงานห่วย หญิงเชื่อเลยค่ะว่า พลเอกประยุทธ์จะพูดว่า “เศรษฐกิจไม่ดีทั่วโลกนั่นแหละ ไม่ใช่แค่เรา” แต่เชื่อไหมคะว่า ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านเราในอาเซียนนั้นสูงกว่าเรากันทั้งนั้นเลยค่ะ

GDP ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 GDP ประเทศมาเลเซียขยายตัวที่ 8.9% ประเทศเวียดนามขยายตัว 7.7% ประเทศฟิลิปปินส์ขยายตัว 7.4% ประเทศอินโดนีเซียขยายตัว 5.4% และประเทศสิงคโปร์ขยายตัว 4.8% เมื่อเทียบกับประเทศไทยที่ขยายตัวเพียง 2.5% เห็นตัวเลขชัด ๆ แบบนี้ หญิงไม่รู้ว่าถ้าไม่โทษผู้นำประเทศและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของไทยอย่าง พลเอกประยุทธ์ แล้วจะต้องไปโทษใคร ในเมื่อประเทศอื่นเขามีผู้นำที่สามารถทำให้ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงได้ขนาดนี้ เลิกโทษปี่โทษกลองแล้วโทษตัวเองบ้างน่าจะดีนะคะ

ซ้ำร้าย ภายใต้การบริหารประเทศของ พลเอกประยุทธ์ ยังทำให้ประเทศไทยในปัจจุบันมีอัตราเด็กแรงเกิดต่ำกว่าจำนวนคนที่ตายไป ปี 2554 ไทยมีตัวเลขการเกิดสูงเกือบ 8.5 แสนคน แต่ปัจจุบันตัวเลขการเกิดต่ำกว่า 5.5 แสนคนแล้ว โดยในปี 2563 ไทยมีตัวเลขการเกิดมากกว่าการตายประมาณ 85,000 คน แต่ในปี 2564 ไทยกลับมีตัวเลขการตายมากกว่าการเกิดถึง 19,000 คน ตัวเลขการเกิดและการตายนี้บอกเราว่า ในอนาคตไทยจะไม่มีคนวัยหนุ่มสาวมากเพียงพอที่จะพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ 

เราอาจจะกลายเป็นประเทศที่นับวันถอยหลังสู่สังคมผู้สูงอายุทั้ง ๆ ที่ยังไม่รวย หรือที่เรียกกันว่า แก่ก่อนรวย แถมคนวัยหนุ่มสาวทั้งหลายนอกจากจะต้องเลี้ยงดูตัวเองหรือตั้งอกตั้งใจสร้างเนื้อสร้างตัวให้ได้เหมือนคนรุ่นพ่อแม่ แต่พวกเขายังต้องแบกรับภาระในการเลี้ยงดูพ่อแม่ปู่ย่าตายายมากกว่าคนเจนไหน ๆ ที่ผ่านมา

ประเทศเราต้องการผู้นำ ผู้บริหารประเทศ ที่จะพาคนไทยออกจากหุบเหวแห่งหายนะทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม แต่สิ่งที่เรามีตอนนี้คือรัฐบาลที่ไม่ได้สนใจใยดีต้องปากท้องของพี่น้องประชาชนเลย ผลงานอย่างเป็นรูปธรรมเดียวของรัฐบาลชุดนี้คือการแจกเงินในประชาชนครั้งแล้วครั้งเล่า แถมยอดแจกก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ จนเหลือ 800 บาท ดีไม่ดีครั้งหน้าที่จะแจกอาจจะเหลือแค่ 100 บาทก็ได้นะคะ 

ผลงานยอดแย่อีกอย่างคือเป็นรัฐบาลยอดนักกู้ที่สร้างหนี้ให้กับประเทศมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย กู้ทะลุเพดานหนี้ กู้เยอะกว่ารัฐบาลชุดไหน ๆ ที่ผ่านมา แล้วก็มารีดเงินเอาจากประชาชนด้วยการขึ้นภาษี ยุคนี้ยังเป็นยุคที่รัฐบาลสามารถทำให้ราคาข้าวของทุกอย่างแพงขึ้น แต่ทำให้ราคายาบ้าถูกลงอย่างไม่น่าเชื่อ กำเงินร้อยนึงไปยังสามารถหาซื้อยาบ้ามาได้ง่าย ๆ เลยค่ะ

ที่หญิงเล่ามาทั้งหมดอาจจะทำให้รู้สึกว่าประเทศไทยดูไม่มีอนาคต ไม่มีความหวังนะคะ แต่จริง ๆ เรายังมีความหวังอยู่ค่ะ ความหวังนั้นคือหวังว่ารัฐบาลชุดนี้จะออกไปและได้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะทำให้ประเทศของเรามีอนาคตที่สดใสได้ 8 ปีที่ผ่านมาภายใต้นายกฯ ที่ชื่อ ประยุทธ์ ได้สร้างความพังพินาศทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม อย่างมากมายมหาศาล เป็น 8 ปีที่คนไทยทั้งประเทศต้องทุกข์ยากตกระกำลำบาก เป็น 8 ปีที่เศรษฐกิจแย่ ของแพง ค่าแรงถูก และลูกหลานเราจะไม่มีทางมีอนาคตได้เลย ถ้ายังมีนายกฯ ที่ชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ถึงเวลาที่ท่านต้องไปแล้วค่ะ 8 ปีนี้มันสาหัสสากรรจ์มากพอแล้ว 
ถึงเวลาที่ท่านต้องพอแล้วค่ะ กลับบ้านไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานดีกว่า
ถึงเวลาที่ท่านต้องวางมือแล้วค่ะ วางมือจากอำนาจที่ท่านปล้นมาจากประชาชน

เพราะความจริงก็คือ ท่านไม่มีสิทธิ์มาบริหารประเทศตั้งแต่แรก ถ้าไม่มีปืนในมือ ใครที่ไหนเขาจะให้คนอย่างท่านเป็นนายกฯ กันคะ รีบ ๆ ไปเถอะค่ะ ฝันร้ายที่ยาวนานถึง 8 ปีของคนไทยจะได้จบลงเสียที