เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2565  ที่หอประชุมธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต พรรคเพื่อชาติ จัดกิจกรรมเปิดตัวพรรคเพื่อชาติโฉมใหม่ "เพื่อชาติ (นี้) ไม่ต้องรอชาติหน้า" นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร  ในฐานะผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติ เปิดเผยว่า ตนไม่มีแรงจูงใจที่จะทำงานทางการเมืองทั้งในสภาและรัฐบาลทั้งสิ้น แต่จะสนับสนุนกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพื่อเข้ามารับวัฒนธรรมและสิ่งที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะนำพาประเทศไปสู่การต่อสู้แข่งขันกับนานาประเทศได้ ตนเป็นแค่นั่งร้านและจะเป็นหน่วยอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งหมด

จากการพูดคุยแนวทางพรรค หลังจากนี้จะมุ่งแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ ไม่เดินการเมืองเหมือนเดิม เพราะที่ผ่านมาอยู่กับทุนนิยมผูกขาดมานาน เกิดช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยเยอะ จนประเทศไทยติดอันดับหนึ่งในเรื่องปัญหาความเหลื่อมล้ำ รวมถึงเกิดโครงการใหญ่ๆ ที่ต่างชาติเข้ามาลงทุน ทำให้ประเทศไทยตกเป็นเหยื่อของตะวันตก ภายหลังจากสงครามเย็น เศรษฐกิจกระจุกไม่กระจายไปถึงประชาชน เกษตรกรจนลง ดังนั้นนโยบายของพรรคเพื่อชาติจะเริ่มต้นในการหันไปใช้เกษตรพลัส บริหารจัดการแหล่งน้ำให้เป็นระบบ ปฏิรูประบบการเกษตร และระบบราชการ

ยืนยันว่าพรรคเพื่อชาติไม่ใช่พรรคพี่พรรคน้อง หรือ พรรคสำรอง เพราะหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ได้พูดชัดเจนแล้วว่า รีแบรนด์พรรคใหม่ มีแนวทางแก้ปัญหาให้กับประเทศในแบบตัวเอง

ส่วนจะสลัดคราบการถูกมองเป็นพรรคอะไหล่ของ "เพื่อไทย" ได้หรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า วันนี้ในพรรคมีแต่คนรุ่นใหม่ ถ้ามีตนหรือคนหน้าเก่าๆอยู่ก็อาจมีข้อสงสัยได้ ซึ่งไม่ขอเปรียบเทียบว่าแตกต่างจากพรรคเพื่อไทยอย่างไร ขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ไม่เช่นนั้นกลายเป็นการทะเลาะเบาะแว้ง ส่วนจะเป็นศึกชิงพื้นที่ทับซ้อนกันเองหรือไม่ มองว่า นโยบายต่างๆไม่ได้ทับซ้อนกัน การเมืองที่เรายังมีค่านิยมประชาธิปไตยเหมือนกัน พร้อมย้ำตนไม่ได้เป็นครูใหญ่ แต่เป็นเพียงแค่นั่งร้านที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวกให้คนรุ่นใหม่เดินหน้าต่อไปได้ โดยตนจะเป็นคนป้อนข้อมูล ประสบการณ์ ความล้มเหลว วิธีการแก้ไข ส่วนจะเชื่อหรือไม่ ก็ไม่เป็นอะไรแต่วันนี้ตนจะนำ

"ผมขอยืนยันว่าจะไม่ลงสมัคร ส.ส. ไม่เป็นผู้ใหญ่บ้าน ไม่เป็นกำนัน ถ้าไม่ตายซะก่อน จะช่วยทำงานสัก 10 ปีก็หมดหน้าที่แล้ว"

ส่วนความคาดหวังที่จะได้จำนวน ส.ส. ตนไม่กล้าถาม และทุกคนก็ยังไม่เคยพูด แต่ถ้าประชาชนอนุญาตให้โตก็จะโต ถ้ายังไม่ถึงเวลาก็จะทำงานต่อไป และตนไม่กล้าคาดหวังว่าจะได้พื้นที่ไหน เพราะเรากำลังเริ่มต้น ดังนั้นต้องใช้เวลาอีกระยะ1-2 ถึงจะพอตอบได้ แต่ยืนยันว่าพรรคจะเจาะพื้นที่และกระจายทั่วประเทศ สำหรับจ.เชียงรายที่เคยเป็นพื้นที่เดิมของตนนั้น วันนี้เป็นเรื่องของคนรุ่นใหม่ล้วนๆ ต้องไปถาม กรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติ ว่าจะทำอย่างไร ตนรู้สึกเกรงใจประชาชนมาก เพราะตั้งแต่ถูกยึดอำนาจปี 2549 ก็ไม่ได้มีบทบาทอะไรในพื้นที่ พูดเกินเลยไปก็จะเป็นการทำเกินหน้าที่ และยืนยันอีกครั้งว่ากรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ไม่ใช่หุ่นเชิดของตน