การเมือง
"ครูแก้ว" จี้ "กก.จริยธรรมสภาฯ" เร่งตรวจสอบ ปมครอบครองที่ดิน 200 ไร่ ก่อนหมดวาระสภาฯ
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

"ครูแก้ว" ย้ำมีสิทธิ์ครอบครองที่ดินรกร้าง 200 ไร่ จ.นครพนม ชอบด้วย กม. ยันได้มาตั้งแต่ปี 31-32 ลั่นไม่เกี่ยวตำแหน่งทางการเมือง พร้อมขอให้ กก.จริยธรรมเร่งตรวจสอบก่อนสิ้นสุดสภาฯ เล็งฟ้อง "ทนายตั้ม-ไฮโซสาว" หลังพาดพิงปมลวง 25 ล้าน แถมปล่อยข่าวลูกสาวเป็นกิ๊กทำเสื่อมเสียยกตระกูล เสียโอกาสได้ลูกเขย ขณะที่ "อนุทิน" หนุน "สหายแสง" เตรียมเปิดเวทีใหญ่เปิดตัวผู้สมัครชนเพื่อไทย
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2565 เวลา11.00 น. ที่ศูนย์ประสานพรรคภูมิใจไทย จังหวัดนครพนม นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 และ ส.ส. นครพนม พรรคภูมิใจไทย แถลงกรณีมีข่าวว่าคณะกรรมาธิการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรเตรียมเสนอวาระเข้าสภาเพื่อพิจารณาเอาผิด หลังได้รับเรื่องร้องเรียนว่านายศุภชัย ครอบครองที่ดินป่าดงพะทาย ที่บริเวณ ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน จังหวัดนครพนม โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
นายศุภชัย กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่าที่มีการร้องไปที่กรรมาธิการจริยธรรม ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตนได้เข้าชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการจริยะธรรมฯไปแล้ว ว่าตนได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2531 ถึง 2532 ทำการเกษตร จำนวนประมาณ 200ไร่ ซึ่งขณะนั้นตนยังเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนบ้านท่าหนามแก้ว ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม และตนมาเป็นส.ส. เมื่อ ปี 2544 นั่นย่อมแสดงว่าตนไม่ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ ความเป็น ส.ส. เพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินเหล่านั้นแต่อย่างใด และ ขอร้องให้นายชวน หลีกภัยประธานสภาฯ เร่งให้กมธ.จริยธรรมเร่งให้ตรวจสอบ ให้สิ้นสุดกระแสความในสภาฯชุดนี้ แม้จะมีคนบอกว่าให้อยู่เฉยๆเพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะสิ้นสุดสภาและเรื่องที่กมธ.จริยธรรมจะสิ้นสุดไป ซึ่งสุดท้ายหากผลการตรวจสอบออกมาเป็นอย่างไร ตนก็พร้อมน้อมรับ
นายศุภชัย กล่าวว่า ข้อเท็จจริง เมื่อปี 2518 ถึง 2519 รัฐบาลได้ทำการจัดสรรที่ดินป่าดงพะทายให้ชาวบ้านทำกินโดยแบ่งเป็นล็อค ๆ ละ 10 ไร่เพื่อทำการเกษตร และยังให้เป็นที่อยู่อาศัยอีกคนละ 1 ไร่ โดยมีคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติเป็นผู้ดำเนินการ หลังจากที่คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติจัดเสร็จแล้ว ก็ปิดโครงการ และมอบที่ดินให้อยู่ในความรับผิดชอบของ ผู้ว่าราขการจังหวัดนครพนม โดยสำนักงานที่ดิน จ.นครพนมสาขาท่าอุเทน เป็นผู้รับผิดชอบ
ต่อมาชาวบ้านที่ได้รับจัดสรรได้รับใบจองที่ทางการออกให้แล้ว ไม่เข้าไปทำประโยชน์ เนื่องจากเป็นคนต่างถิ่นเห็นว่าเป็นที่ทุรกันดาร จึงมอบสิทธิ์ ด้วยวิธีต่างไป หลังจากจับฉลากได้ใบจองมาแล้ว ชาวบ้านในพื้นที่จึงเข้าครอบครองสิทธิ์ไว้ เป็นเหตุให้ต่อมาปรากฏชื่อ ผู้ครอบครองทำกินในที่ดินบริเวณนั้นส่วนใหญ่ คือ คนในพื้นที่ ที่ไม่มีชื่อในใบจองและ ต่อมามีการ เปลี่ยนมือกันมาเรื่อย ๆ ด้วยอาศัยการใช้สัญญาจะซื้อจะขาย เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้สละสิทธิ์ไปแล้ว เปลี่ยนใจจนเกิดปัญหา ภายหลัง และต่อมาก็ทำกินในที่ดินโดยไม่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ใด ๆเนื่องจากไม่สามารถขอออกเอกสารสิทธิ์ได้เพราะที่ที่ครอบครองอยู่เอกสารใบจองเป็นชื่อของคนนอกพื้นที่ ก็เลยยืดเยื้อเป็นปัญหาเรื่อยมา
ต่อมาอธิบดีกรมที่ดินโดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมผู้รับมอบอำนาจ ได้วางนโยบายให้สำนักงานที่ดินฯ ได้มีการสำรวจ ถ้าใครได้ใบจองแล้วทำผิดเงื่อนไข ไม่เข้าทำประโยชน์ หรือซื้อขายเปลี่ยนมือไปทำให้ผิดเงื่อนไข เนื่องจากใบจองจริง ๆ ซื้อขายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องจำหน่ายใบจองที่ผู้มีชื่อในใบจองแต่ไม่เข้าทำประโยชน์ ออกไปก่อน เพื่อที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม จึงได้ทยอยประกาศจำหน่ายใบจองในพื้นที่ป่าดงพะทาย จำนวน ทั้งหมดประมาณ 20,000 ไร่โดยมีผู้ที่ครอบครองที่ดินและทำกินอยู่ไม่ตรงชื่อตามใบจอง รวมทั้งสิ้นถึง 880แปลง จากนั้นคนที่ครอบครองอยู่จึงจะสามารถไปดำเนินการขอออกเอกสารสิทธิ์ตามกฎหมายที่ดินต่อไป
"การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ลงนามเพิกถอนใบจองในครั้งนี้นั้น เป็นการจำหน่ายใบจองของประชาชนที่มีชื่อครอบครองที่ดินแต่ไม่ได้เข้าทำประโยชน์ เพื่อให้ผู้ที่ครอบครองทำกินจริง ๆ สามารถใช้ช่องทางตามกฎหมายที่ดินขอออกเอกสารสิทธิ์ได้ต่อไปนั่นเอง จึงไม่ใช่การประกาศยึดที่ของใครคนใดคนหนึ่งตามที่เป็นข่าว ซึ่งที่ของผมก็ไม่มีใครยึดได้ เพราะตนครอบครองมา 30 กว่าปีแล้ว การที่ลงข่าวพาดหัวดังกล่าว น่าจะเป็นเจตนาที่ไม่เข้าใจ เรื่องราวที่แท้จริง เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องของนักการเมือง เรื่องของประธานสภา ถ้าไปเล่นข่าวเรื่องนี้ก็โด่งดังไปขายข่าวได้ ไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น ควรเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมาและแสวงหาข้อเท็จจริงให้มากกว่านี้ และพื้นที่ดังกล่าวก็ไม่ใช่พื้นที่ป่า เป็นเพียงชื่อเรียกเท่านั้น เพราะเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า"
นายศุภชัยกล่าวว่า ทั้งนี้เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2565 นายบุญนาก ถิระสวัสดี เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครพนมได้มีหนังสือรายงานข้อเท็จจริงเพิ่มเติมต่อ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กรณีได้รับแจ้งจากคณะอนุกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร ว่าพล.ต.อ. เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวทย์ ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบสภาผู้แทนราษฎร ได้ส่งเรื่องขอให้สำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนมตรวจสอบการครอบครองที่ดินบริเวณป่าดงพะทาย ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ของนายศุภชัย โพธิ์สุ ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อย่างไร
รายงานดังกล่าวระบุว่าในปี 2518 ถึง 2519 กรมที่ดินได้มีโครงการจัดที่ดินผืนใหญ่ป่าดงพะทาย ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่ 1,5,6 และ 9 ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม มีเนื้อที่ประมาณ 21,500 ไร่ และเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบว่านายศุภชัย โพธิ์สุ ได้ครอบครองที่ดินบริเวณป่าดงพะทาย จำนวนทั้งสิ้น 40 แปลงหรือ ประมาณ 200ไร่ เมื่อประมาณปี 2532 และที่ดินทั้ง 40 แปลงดังกล่าวผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้มีคำสั่งให้ผู้มีชื่อตามใบจองออกไปจากที่ดินและขาดสิทธิ์ไปทั้งหมดแล้ว โดยในการจัดสรรที่ดินครั้งนั้นจังหวัดนครพนมได้ปิดหน่วยจัดที่ดินและรายงานผลการดำเนินการให้กรมที่ดินทราบแล้วซึ่งถือได้ว่าภาระกิจการจัดที่ดินตามโครงการได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติเสร็จสิ้นแล้ว
ดังนั้นที่ดินที่จัดสรรจึงตกอยู่ภายใต้กฎหมายทั่วไป กล่าวคือ ที่ดินส่วนที่เป็นถนนหรือที่สาธารณะประโยชน์จะมีสถานะเป็นที่สาธารณะประโยชน์ประเภทพลเมืองใช้ร่วมกันส่วนที่ดินที่จัดสรรให้แก่ราษฎรอยู่อาศัยและทำกินแต่ผู้ได้รับการจัดสรรเดิมได้ละทิ้งไปด้วยเหตุผลประการใดก็ตามเมื่ออธิบดีกรมที่ดินโดยผู้ว่าราชการจังหวัดผู้รับมอบอำนาจได้มีคำสั่งให้ผู้ที่ได้รับการจัดสรรที่ดินเดิมออกจากที่ดินตามมาตรา 32แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแล้วที่ดินนั้นก็จะมีสถานะเป็นที่สาธารณะประโยชน์ประเภท รกร้างว่างเปล่า ประกอบกับที่ดินบริเวณดังกล่าวไม่ปรากฏว่ามีการกำหนดให้เป็นเขตป่าไม้ถาวรหรือที่ป่าสงวนแห่งชาติแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อมีคำสั่งให้ผู้ที่ได้รับการจัดสรรที่ดินเดิมออกแล้ว นายศุภชัย โพธิ์สุ ก็สามารถเข้าครอบครองทำประโยชน์ได้และสามารถขอออกเอกสารสิทธิ์เพื่อออกโฉนดได้ด้วย โดยไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด
นายศุภชัย กล่าวว่า นอกจากนี้เรื่องดังกล่าวในสมัยตนเป็นรมช.เกษตรและสหกรณ์ในปี 2553 ก็เคยถูกฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในเรื่องดังกล่าว อีกทางหนึ่งก็ส่งให้คณะกรรมการป.ป.ช. พิจารณาแต่ปรากฎว่าจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่ได้มีการตัดสินอะไรออกมา ย่อมสันนิษฐานได้ว่าไม่มีความผิดอะไร
เล็งฟ้อง "ทนายตั้ม-ไฮโซสาว" หลังพาดพิงปมลวง 25 ล้าน
พร้อมกันนี้นายศุภชัย ยังได้ชี้แจงกรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กล่าวหาว่าอดีตผู้ช่วยเลขานุการรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายก อบจ.จังหวัดหนึ่ง และเป็นสามีไม่ได้จดทะเบียนสมรส ได้ลวงเงินจำนวน 25 ล้านบาทจากนักธุรกิจสาวไฮโซเพื่อหลอกช่วยเคลียร์คดี โดยยอมรับว่า เคยรู้จักกับผู้ช่วยฯ คนดังกล่าวจริง หลังจากได้เข้ามาขอช่วยงานในช่วงที่ตนได้รับตำแหน่งรองประธานสภาฯ ทั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่ามีโปรไฟล์ดี ตนจึงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรองประธานสภาฯ และได้มอบหมายให้มาช่วยงานลูกสาว หลังจากได้รับการเลือกตั้งให้เป็นนายก อบจ.นครพนม แต่หลังจากทำงานได้ 2-3 เดือน บุคคลดังกล่าวได้ลาออกไป โดยให้เหตุผลว่าไม่เหมาะสมกับงาน และไม่ได้ติดต่อหรือเกี่ยวข้องกันอีก
"ส่วนตัวไม่เข้าใจว่า หากมีการต้มตุ๋นกันเกิดขึ้น เหตุใดจึงไม่ไปฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งหากกระทำผิดก็ไปสู้กัน แต่สิ่งที่ผมรู้สึกไม่สบายใจ คือการเอาเรื่องลูกสาวมาประกาศต่อสาธารณะว่าเป็นภรรยาที่ไม่จดทะเบียน ทั้งที่ลูกผมเป็นโสด และแม้ว่ากินข้าวกับผู้ชายคนนี้ก็ไม่เคยกินตามลำพัง จึงถือว่าเป็นการทำให้ลูกสาวผม และตัวผม ตลอดจนครอบครัวได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียเกียรติยศ เพราะลูกสาวผมมีหน้ามีตาในสังคม ไม่มีพฤติกรรมเสื่อมเสีย และผมก็ยังหวังว่าจะได้ลูกเขย จึงจำเป็นที่จะฟ้องดำเนินคดีกับทนายตั้มและผู้ให้ข้อมูลภายในสัปดาห์หน้าโดยไม่มีการยอมความ" นายศุภชัย กล่าวและว่า
ในส่วนที่มีการพาดพิงนายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย นั้น ส่วนตัวยังไม่ได้ชี้แจงทำความเข้าใจ มีเพียงนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคที่ได้โทรศัพท์สอบถามและให้ตนชี้แจงไปตามความจริง
"อนุทิน" หนุน "สหายแสง" เตรียมเปิดเวทีใหญ่เปิดตัวผู้สมัครชนเพื่อไทย
ที่ จ.นครพนม บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้ง รวมถึงเปิดเวทีปราศรัยเริ่มคึกคัก หลังใกล้ครบวาระการเลือกตั้ง ส.ส. ในต้นปี 2565 ล่าสุดมีรายงานว่า ในช่วงเย็นวันนี้ ทางด้านพรรคภูมิใจไทย นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย พร้อมคณะ ลงพื้นที้เตรียมเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ในช่วงเย็นของวันนี้ ที่สนามกีฬาโรงเรียนนครพนมวิทยาคม ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม เพื่อสนับสนุน สหายแสง นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง พร้อมประกาศสู้ศึกเลือกตั้งที่จะมาถึง โดยจะมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครพนม ทั้ง 4 เขต อย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ มีประเด็นทางการเมืองที่น่าสนใจ คือในการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ครั้งนี้ นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย จะมีการประกาศย้ายเขตเลือกตั้ง จากพื้นที่บ้านเกิด อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ในเขตเลือกตั้งที่ 1 มาลงสมัคร ส.ส.เขต 2 ในพื้นที่ อ.เมืองนครพนม เพื่อชนกับ อดีต ส.ส.แชมป์เก่า ดร.มนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม เขต 2 พรรคเพื่อไทย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ที่ชนะการเลือกตั้งมาตลอด ทุกสมัย โดยเชื่อว่าการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้ ทาง นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย คาดหวังที่จะข้ามเขต มาลงสมัครชิงชัย เพื่อล้มแชม์เก่า และกวาดที่นั่ง ส.ส.ทั้ง 4 เขต ของ จ.นครพนม ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 1 ได้วางตัว นางพูนสุข โพธิ์สุ ภรรยา ที่เป็นอดีตข้าราชการครู และเป็นอดีตรอง นายก อบจ.นครพนม ลงสมัครแทนตนเอง นอกจากนี้ ในเขตเลือกตั้งที่ 3 โซน อ.ธาตุพนม อ.เรณูนคร จะเปิดตัว นายแพทย์ อลงกต มณีกาศ อดีต ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อแผ่นดิน รวมถึง เขตเลือกตั้ง ที่ 4 โซน อ.นาแก อ.วังยาง และ อ.ปลาปาก จะมีการเปิดตัว นายชูกัน กุลวงษา อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ แต่สอบตก ก่อนที่จะย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งที่จะมาถึง
โดยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมาถึงเชื่อว่า ทางด้านนายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้วหรือสหายแสง ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย จะประกาศศึกชนกับ พรรคเพื่อไทย ทั้ง 4 เขต เพื่อหวังกวาดที่นั่งให้มากที่สุด และเป็นการแสดงพลังล้มแลนด์สไลด์ ของพรรคเพื่อไทย และหวังที่จะสร้างฐานที่มั่นการเมือง ทั้งการเลือกตั้งท้องถิ่น รวมถึง เลือก ตั้ง ส.ส.ให้ได้มากที่สุด หลังมีการส่ง ลูกสาว คือ นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ น้องขวัญ ลงชิงนายก อบจ.นครพนม จนชนะการเลือกตั้ง ล้มแชมป์เก่า จนกระทั่งล่าสุด ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงได้วางตัว ภรรยา คือ นางพูนสุข โพธิ์สุ เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคภูมิใจไทยอีกคน เพื่อสร้างฐานคะแนนนิยม ในพื้นที่ จ.นครพนม ให้มากที่สุด ทั้ง 12 อำเภอ
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง
Top 5 ข่าวการเมือง ![]()
- GIP และ True IDC ลงทุน 1.75 แสนล้าน เปิดตัว GigaData Hub ยกระดับไทยเป็นศูนย์กลางดิจิทัลภูมิภาค 7 พ.ค. 2568
- "วราวุธ" เผย พม. เตรียมพร้อมเข้าช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ให้ปลอดภัยจากน้ำท่วมแม่สายเชียงราย 7 พ.ค. 2568
- "จักรภพ" เตือนวิกฤตอินเดีย–ปากีสถานอาจลุกลาม หากไร้ตัวกลางหย่าศึก 7 พ.ค. 2568
- ตามคาด! ก.อ.มีมติเอกฉันท์เลือก "อิทธิพร แก้วทิพย์" อัยการสูงสุดคนที่ 20 7 พ.ค. 2568
- บอร์ด PPP ไฟเขียวโครงการท่าเทียบเรือ B1-B2 แหลมฉบัง กว่า 12,800 ล้านบาท ดันท่าเรือแหลมฉบัง สู่ประตูการค้าภูมิภาค 7 พ.ค. 2568
ข่าวในหมวดการเมือง ![]()
รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬา "เทพกระษัตรีสัมพันธ์ ครั้งที่ 4" จังหวัดภูเก็ต 19:26 น.
- "ประเสริฐ" สั่งเดินหน้า "โคราชโมเดล" ขับเคลื่อน Learn to Earn ช่วย "เยาวชน" ทุกกลุ่มให้มีโอกาสศึกษา เสมอภาค 18:56 น.
- เสวนาเสรีภาพสื่อ "เสรีภาพสื่อ VS AI Surveillance : ผลกระทบ โอกาส และความท้าทาย" 18:46 น.
- "สมาคมนักข่าวฯ" จัดงานวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก ชี้สื่อไทยเสรี-สังคมอ่วมข่าวลวง 18:33 น.
- กสม.ออกแถลงการณ์ประณามผู้ไม่หวังดีกราดยิงกลุ่มเปราะบางตากใบเสียชีวิตและบาดเจ็บ ชี้ขัดกับทุกหลักศาสนา 17:56 น.