การ์ดแน่นสายไหม หลังลือ “ชูวิทย์” จ่อบุกเวทีปราศรัย  “ภูมิใจไทย”  ด้าน “พุทธิพงษ์” ไม่ติดใจ “ชูวิทย์” ระบุเห็นตรงกันไม่เอากัญชาเสรี พร้อมแนะส่งเรื่องให้หน่วยงานต่างๆตรวจสอบ เหตุ ไม่มีสิทธิชี้ใครผิดถูกเอง ลั่น ขอโทษปชช. ชี้แจงปมกัญชาล่าช้า “เอกภพ” ว่าที่ผู้สมัครส.ส.สายไหม ภูมิใจไทย มั่นใจ ปักธงเก้าอี้ส.ส.ได้ ปลื้มใจกระแสดีเกินคาด ลั่น หากได้เป็นส.ส. ผลักดันนโยบายสำเร็จขอเป็นแค่สมัยเดียว 

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2566  บรรยากาศการปราศรัยของพรรคภูมิใจไทย ที่หอประชุมโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย 2 เขตสายไหม ที่มีนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคภูมิใจไทย เขตสายไหม (ยกเว้นแขวงออเงิน) พบว่า มีการ์ดดูการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา และเข้มงวดหลายสิบคน​ ตั้งแต่บริเวณประตูเข้า-ออก โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย 2 นอกจากนี้ ยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สายไหม มาดูความสงบเรียบร้อย ภายหลังมีการแจ้งว่านายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จะเดินทางมาเคลื่อนไหวในบริเวณนี้ แต่ล่าสุด ได้มีการแจ้งยกเลิกการเคลื่อนไหวดังกล่าวแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าการจัดเวทีปราศรัยของพรรคภูมิใจไทยในครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการ์ดมาดูแลรักษาความเรียบร้อยเป็นจำนวนมาก ซึ่งแตกต่างการปราศรัยในหลายๆเวทีที่ผ่านมา
      
ขณะที่นายพุทธิพงษ์ ปุณกันต์ หัวหน้าทีมกทม. กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ติดใจที่นายชูวิทย์ออกมาเคลื่อนไหว เพราะการตรวจสอบทุกเรื่องเป็นเรื่องดี นายชูวิทย์ก็ทำหน้าที่ของเขา รวมถึงประชาชนทุกคนก็ทำตามหน้าที่ แต่การตรวจสอบก็ต้องยอมรับว่า ภาคประชาชนไม่สามารถมาตัดสินได้ว่าใครถูกใครผิด ดังนั้น สามารถส่งให้หน่วยงานตรวจสอบได้ แต่จะไปชี้ว่าคนนี้ผิดคนนี้ถูกคงไม่ถูกต้อง เพราะอาจจะไม่ใช่หน้าที่ในฐานะประชาชน 
      
นายพุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นกัญชาที่เป็นที่พูดถึง ประชาชนอาจจะต้องการคำอธิบายบ้าง ซึ่งส่วนตัวเห็นว่า ภูมิใจไทยเป็นพรรคที่ผลักดันกฎหมายมาดูแลกัญชา ชัดเจนว่าเราไม่ได้สนับสนุนกัญชาเสรี ซึ่งส่วนตัวก็ไม่เห็นด้วย แต่พรรคสนับสนุนกฎหมายเข้าสภา เพื่อให้มีกฎหมายควบคุม แต่ต้องถามว่าพรรคไหนที่ไม่สนับสนุนกฎหมาย อยากให้นายชูวิทย์ไปถามพรรคนั้นๆ ว่าทำไมไม่สนับสนุน ทำให้วันนี้เรายังไม่มีกฎหมายมาควบคุมจริงจัง แต่ในทางการแพทย์ เชื่อว่า ทุกวันนี้หลายท่านใช้ประโยชน์อยู่ หากไม่ปลดล็อกการใช้ทางการแพทย์จะมีความผิด 
      
“ส่วนตัว ไม่มีอะไรเห็นต่างจากนายชูวิทย์เลย กัญชาเสรีเราก็ไม่เอา ผมอยากขอโทษประชาชนที่ชี้แจงช้า สื่อสารประชาชนช้าไปหน่อย แต่หลักความจริงก็คือความจริง ว่าเราไม่ได้สนับสนุนกัญชาเสรี ตอนแรกที่นายชูวิทย์ออกมาพูดเรื่องกัญชาทุกคนก็ตื่นตัว และเมื่อมีโอกาสชี้แจงสื่อสารกับประชาชน เชื่อว่า ประชาชนจะเข้าใจ ยืนยันว่า ภูมิใจไทยก็ไม่เห็นด้วยกับกัญชาเสรี” นายพุทธิพงษ์ กล่าว

 
“เอกภพ” ว่าที่ผู้สมัครส.ส.สายไหม ภูมิใจไทย มั่นใจ ปักธงเก้าอี้ส.ส.ได้ 

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตสายไหม (ยกเว้นแขวงออเงิน) พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ว่าตนเข้าใจว่าชาวบ้านในพื้นที่รักเราที่เราทำสายไหมต้องรอด และในพื้นที่สายไหม พรรคที่ท่านคาดหวังก็มีตัวผู้สมัครอยู่แล้ว แต่เราทำงานเรารู้ดีว่าความเป็นเอกภพสายไหมต้องรอด เป็นการทำงานแบบแก้ปัญหาปลายน้ำ ดังนั้น ถ้าเราอยากจะช่วยประชาชนให้เต็มความสามารถต้องไปแก้ที่ระบบ แก้ที่กฎหมาย จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ตนมั่นใจว่าจะปักธงพื้นที่สายไหมได้ เพราะจากการลงพื้นที่พบว่ากระแสเกินกว่าที่คาดไว้ ซึ่งประชาชนให้กำลังใจตนอย่างมาก ทั้งนี้ เชื่อว่าประชาชนตื่นตัวทางการเมืองมากพอ และมีพรรคในใจแล้ว แต่ตัวบุคคลเชื่อว่าจะเลือกตน ซึ่งตนไม่ได้มาไหว้เอาคะแนน แต่เอาประสบการณ์ และสิ่งที่ทำมาแลกคะแนน เขาพึ่งพาตนได้ทั้งสถานการณ์ปกติ และยามวิกฤต
     
เมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่ที่ต้องแข่งขันกับคนกันเองในพื้นที่ นายเอกภพ กล่าวว่า การที่มีผู้สมัครเยอะประชาชนจะได้ประโยชน์ และตนเกิดที่สายไหม หลายปีที่ผ่านตน และทีมงานช่วยประชาชนทั่วประเทศ แต่การลงสมัครส.ส.ครั้งนี้ ตนขอลงทำประโยชน์ให้บ้านของตัวเอง 
      
“วันนี้อยู่พรรคไหนอุดมการณ์ยังเหมือนเดิม อุดมการณ์ประชาธิปไตยไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าได้เป็น ส.ส. และสามารถผลักดันนโยบายของตัวเองได้สำเร็จในสมัยแรก สมัยสองผมไม่เอาแล้ว ให้เป็นหน้าที่ของคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ความสามารถ ได้เข้ามาทำหน้าที่บ้าง” นายเอกภพ กล่าว

“อนุทิน” นำปราศรัยช่วย “เอกภพ” สายไหมต้องรอดหาเสียง 

ต่อมาเวลา 17.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วยนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรค และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีมกทม. เพื่อช่วยนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ว่าที่ผู้สมัครส.ส. กทม. เขตสายไหม (ยกเว้นแขวงออเงิน) หาเสียง และพบปะประชาชนชาวสายไหม

โดยนายอนุทิน กล่าวบนเวทีปราศรัยตอนหนึ่งว่า พรรคมีประสบการณ์ทำงานในการบริหารบ้านเมืองมา 10 กว่าปีแล้ว เราไม่ใช่พรรคตั้งใหม่ เราทำงานโดยเชื่อว่า ประชาชนเป็นกำแพงอันเข้มแข็งหนุนหลังเราอยู่ จึงกล้าประกาศว่าเป็นพรรคพูดแล้วทำ เมื่อได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน เราสามารถผลักดันนโยบายทุกนโยบายได้สำเร็จ ทุกนโยบายไม่ยุ่งยากสามารถปฏิบัติได้เลย และทุกนโยบายแก้ปัญหา และสร้างประโยชน์ต่อประชาชนโดยตรง ส่วนเขตสายไหม พรรคขอโอกาสพี่น้องให้เลือกนายเอกภพ ได้เข้าไปทำงานให้พี่น้องประชาชนทุกคน 
     
 “ผมกับนายเอกภพ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ผมทำงานอยู่ในกระทรวงสาธารณสุข มีลูกน้องมาบอกผมว่า เพจสายไหมต้องรอด โพสต์บอกว่าผมทำงานไม่เป็นทอดทิ้งประชาชน ถ้าเป็นคนอื่นคงโกรธ และสวนไปแล้ว แต่อนุทินรับฟังทั้งหมด ที่จริงแล้วกทม. กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ดูแล เพราะกทม. มีสำนักการแพทย์ ถ้าเราเข้าไปเราก้าวก่าย แต่พอเกิดโควิด - 19 เราขีดเส้นแบบนั้นไม่ได้ ต่อให้มีกฎอะไร แต่ในข่วงฉุกเฉิน สาธารณสุขต้องเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วค่อยไปเถียงกับเขาทีหลัง ถ้าเป็นคนอื่นๆ นายเอกภพต้องโดนอวตาร โดนไอโอ มาอัดเอกภพ อัดสายไหมต้องรอด และแก้ตัวให้กระทรวงสาธารณสุข แต่ส่วนตัวผมเมื่อได้อ่านข้อความเหล่านั้น ผมสั่งให้ตระเวนหา และเร่งแก้ไขปัญหา ผมมองว่าเอกภพ คอยดึงผม ดุด่าว่าผม ผมไม่มองเป็นศัตรู แต่ต้องขอบคุณที่ทำให้ผมตาสว่างขึ้น แบบนี้เขาเรียกว่าบุพเพสันนิวาส ผมรักเอกภพในการเป็นคนมีจิตใจเพื่อสาธารณะ” นายอนุทิน กล่าว
      
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวต่อว่า ถ้าเลือกพรรคภูมิใจไทยเข้าไปเยอะๆ ตนจะทำให้เกิดปรากฏการณ์เอกภพ - อนุทิน ตนไม่นิยมการทะเลาะกันโดยที่ไม่เคยมีเรื่องส่วนตัวกันมาก่อน มาด่าพ่อล่อแม่ ชกกันก่อนเหตุผลว่ากันทีกลัง แบบนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้แล้ว วันนี้เราสวมเสื้อตัวเดียวกันได้ คือแนวโน้มที่ดี ในเมื่อเอกภพมาได้ คนอื่นก็สมานฉันท์ได้ ประชาชนก็สบายใจ วิธีเดียวคือต่างถอยกันคนละก้าว และชื่นชมสิ่งที่เป็นประโยชน์ของคนคนนั้น เราไม่ทะเลาะ ไม่ขัดแย้ง แต่จะพยายามเชื่อมความสัมพันธ์ให้ได้ สายไหมต้องรอด กรุงเทพฯก็ต้องรอด ประเทศไทยก็ต้องรอด รอดอย่างเดียวไม่พอ ต้องรวย ต้องสุขภาพดี และต้องรักกันด้วย” นายอนุทิน กล่าว
      
 “หวังว่านายพุทธิพงษ์ จะคลอดแฝด 10 ให้พรรคภูมิใจไทยในพื้นที่กทม. คนโตขอให้เป็นนายเอกภพ และนอกจากชื่อภูมิใจไทยแล้ว ขอเป็นภูมิใจกรุงเทพฯด้วย” นายอนุทิน กล่าว