วันอังคาร ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2567 03:09 น.

การเมือง

ฝ่ายปกครองอำเภอเกาะพะงัน เดินหน้าปราบปรามชาวต่างชาติลักลอบประกอบอาชีพอย่างต่อเนื่อง 

วันจันทร์ ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2567, 20.23 น.

ฝ่ายปกครองอำเภอเกาะพะงัน บูรณาการร่วมกับตำรวจท่องเที่ยว และตรวจคนเข้าเมือง เดินหน้าปราบปรามชาวต่างชาติลักลอบประกอบอาชีพอย่างต่อเนื่อง จับกุมชายต่างชาติลักลอบประกอบอาชีพกีฬาทางน้ำ โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ด้านพ่อเมืองสุราษฎร์ฯ เน้นย้ำพี่น้องประชาชน ช่วยกันแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดเพื่อพิทักษ์ไว้ซึ่งผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน 

 เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2567 นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่าจังหวัดสุราษฎร์ โดยชุดปฏิบัติการพิเศษอำเภอเกาะพะงัน (ฉก.ธารเสด็จ) ได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุมตัวชาวแคนาดา ในข้อกล่าวหาเป็นบุคคลต่างด้าวที่มีใบอนุญาตทำงาน ทำงานนอกเหนือจากประเภทหรือลักษณะงานที่ระบุไว้ในใบอนุญาต ณ ท้องที่หรือสถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาต โดยได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมหลักฐานนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
 
นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานีให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทุกรูปแบบ เพื่อนำความสงบสุขมาให้พี่น้องประชาชน ด้วยการหมั่นลงพื้นที่ เพื่อตรวจตรา เสาะแสวงหาข้อเท็จจริง และดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน แบบรองเท้าสึกก่อนกางเกงขาด ซึ่งเกาะพะงันเดินหน้าปราบปราม ชาวต่างชาติลักลอบ ประกอบอาชีพอย่างต่อเนื่อง โดยนายนพดล ขาวมะลิ นายอำเภอเกาะพะงัน ได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงนำโดย นายอัครพล พูลผล ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงและสมาชิก อส.บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว, เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง, เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะพะงัน ร่วมกับจัดระเบียบสังคม 

“โดยเมื่อเวลา 12:30 น. ของวันนี้ (15 เม.ย. 67) ชุดปฏิบัติการพิเศษ ได้เดินทางไปที่หน้าหาดโรงแรม  ที่อยู่   ต.บ้านใต้ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ตามที่ได้รับร้องเรียนจากพลเมืองดีว่า พบบุคคลต่างด้าวจำนวน 2 ราย กำลังทำกิจกรรมกีฬาทางน้ำ โดยมีบุคคลลักษณะเป็นบุคคลต่างด้าวกำลังทำงาน สวมใส่เสื้อแขนยาวสีขาว หมวกสีขาว เป็นผู้นำสอนการบังคับว่าวไคท์เซิร์ฟรุ่ สำหรับการลอยตัวแบบฟรีไรด์ พร้อมทั้งสอนท่าทางต่าง ๆ ในการบังคับให้กับลูกค้าอีกราย ซึ่งอยู่บริเวณริมหาด หน้าโรงแรม  เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ขอตรวจสอบหนังสือเดินทางหรือเอกสารที่ใช้แทนหนังสือเดินทางและใบอนุญาตทำงาน จากการตรวจสอบ พบว่า บุคคลดังกล่าวเป็นบุคคลต่างด้าว สัญชาติ แคนาดา อายุ 46 ปี สัญชาติ แคนาดา และได้แสดงใบอนุญาตทำงาน กับนายจ้าง บริษัท   ประเภทกิจการให้บริการคำปรึกษาด้านธุรกิจ การตลาด ด้านการโฆษณา ด้านการบริหารจัดการ สิทธิในการทำงานระบุว่า เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด อายุใบอนุญาตตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย. 2565 ถึงวันที่ 26 มิ.ย. 2567 เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้สอบถามเบื้องต้น ได้ให้การยอมรับว่าตนได้เป็นครูที่ทำการสอนคอร์สการเรียนบังคับว่าวไคท์เซิร์ฟให้กับลูกค้าสัญชาติ ฝรั่งเศส   อายุ 58 ปี จริง โดยการสอนครั้งนี้ได้มีการว่าจ้างให้ตนทำการสอนโดยมีค่าใช้จ่าย 1,500 บาทต่อ 1 ชั่วโมง“ นายเจษฎาฯ กล่าวในช่วงต้น
 
นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวต่ออีกว่า ชุดปฏิบัติการพิเศษได้สอบถามนายหยานฯ (ลูกค้า) เพิ่มเติม ให้การรับว่าตนได้ว่าจ้างให้นายกาเบรียลฯ ทำการสอนการเรียน วิธีบังคับต่าง ๆ เกี่ยวกับว่าวไคท์เซิร์ฟ จริง โดยมีข้อตกลงในการจ่ายค่าเรียนบังคับว่าวไคท์เซิร์ฟ คือจ่ายหลังจากที่ตนเรียนเสร็จ ครบตามเวลาที่กำหนดแล้ว คิดเป็นเงิน 1,500 บาทต่อ 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้เชิญตัวนายกาเบรียลฯมาที่หน่วยบริการตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงัน ซึ่งการเชิญตัวครั้งนี้นายกาเบรียลฯ สมัครใจและยินยอมเดินทางมาที่หน่วยบริการตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงัน 

”เมื่อมาถึงหน่วยบริการตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงัน ได้ให้การยอมรับว่า ตนได้เป็นครูที่ทำการสอนคอร์สการเรียนบังคับว่าวไคท์เซิร์ฟที่ชายหาด หน้าโรงแรม   จริง เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ผู้ถูกจับทราบว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวที่มีใบอนุญาตทำงาน ทำงานนอกเหนือจากประเภท หรือ ลักษณะงานที่ระบุไว้ในใบอนุญาต ณ ท้องที่หรือสถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาต” พร้อมทั้งแจ้งสิทธิของผู้ต้องหาและพฤติการณ์การจับกุมให้ผู้ถูกจับทราบดีโดยตลอดแล้ว จากพฤติการณ์ดังกล่าว จึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และได้แจ้งให้ทราบว่า จะต้องถูกจับกุมตามข้อกล่าวหานี้ พร้อมควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป“ นายเจษฎาฯ กล่าว
 
นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวในช่วงท้ายว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานีให้ความสำคัญกับนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะการรักษาความมั่นคงภายในและความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ทั้งการจัดระเบียบสังคม และปราบปรามผู้มีอิทธิพล การอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ การพิทักษ์ไว้ซึ่งผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน รวมถึงภารกิจการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เพื่อนำความสมบูรณ์พูนสุขมาให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิบัติการจัดระเบียบสังคม Re X-Ray พื้นที่ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง หากพบเบาะแสการกระทำความผิดทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการแย่งอาชีพของพี่น้องประชาชนคนไทย สามารถโทรศัพท์แจ้งเบาะแส ร้องเรียน ร้องทุกข์ ได้ที่ศูนย์ดำรงธรรม ผ่านสายด่วนหมายเลข 1567 หรือ แจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เพื่อรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และเจ้าหน้าที่จะได้เร่งดำเนินการต่อไป
 
 

หน้าแรก » การเมือง