วันอังคาร ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2567 21:22 น.

การเมือง

“พิชัย” ผิดหวัง “แบงก์ชาติ” ไม่ลดดอกเบี้ย อย่าอ้างว่าต้องอิสระ  ทั้งที่ภาพรวมเศรษฐกิจแย่

วันพุธ ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2567, 11.24 น.

“พิชัย” ผิดหวัง “แบงก์ชาติ” ไม่ลดดอกเบี้ย ทั้งที่ภาพรวมเศรษฐกิจแย่ แต่กลับไม่เดือดร้อน  ชี้ ไม่ใช่หน้าที่แบงก์ชาติมากำหนดอัตราการเติบโต แนะ อย่าอ้างว่าต้องอิสระ บนความเดือนร้อนของประชาชน แบบนี้ควรเป็นอิสระไหม  

เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567    นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์และการเมืองพรรคเพื่อไทย ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากที่ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย มีมติไม่ลดดอกเบี้ยนนโยบาย ทั้งที่สภาวะเศรษฐกิจของไทยกำลังย่ำแย่ จีดีพีในไตรมาสแรกของปีนี้จะออกมาไม่ดี และจะทำให้ต้องปรับลดการขยายตัวเศรษฐกิจทั้งปีลดลง และเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปีที่แล้วต่ำกว่าไตรมาส 3 แล้ว และเงินเฟ้อติดลบ 6 เดือนติดกัน ทำประเทศไทยเข้าสู่ภาวะเงินฝืดทางเทคนิคแล้ว แม้แบงก์ชาติจะอ้างว่าตั้งแต่พฤษภาคมปีนี้เงินเฟ้อจะดีขึ้น ซึ่งก็เพราะตั้งแต่พฤษภาคมปี 66 ที่ผ่านมา เงินเฟ้อไทยก็เริ่มย่ำแย่แล้วที่ 0.53% และก็อยู่ระดับต่ำมาตลอดจนกระทั่งติดลบในเดือนตุลาคมที่ - 0.31% และติดลบต่อเนื่องมาอีก 6 เดือน ดังนั้นถ้าครึ่งปีหลังเงินเฟ้อจะดีขึ้นก็เพราะปีที่แล้วเงินเฟ้อตั้งแต่พฤษภาคมก็ย่ำแย่อยู่แล้วไม่ได้แปลว่าสภาวะดีขึ้น 

นอกจากนี้การที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อ้างว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายที่ 2.6% และ ปีหน้าจะขยายได้ 3% เป็นที่น่าพอใจ ทำให้สงสัยว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจน่าจะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะกำหนดมากกว่า ธปท. จะมากำหนดและจะบอกว่าพอใจหรือไม่พอใจใช่หรือไม่  ธปท. ควรจะต้องดำเนินนโยบายทางการเงินเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางรัฐบาลมากกว่าที่จะตัดสินเองว่าเศรษฐกิจขยายตัวขนาดไหนถึงเหมาะสม เพราะรัฐบาลอยากให้เศรษฐกิจขยายตัวให้ได้ 5% ตามศักยภาพที่น่าจะทำได้ แต่ ธปท. กลับเห็นว่าศักยภาพไทยอยู่เพียง 3% หรือลดศักยภาพไทยลงมาซึ่งไม่ตรงกับแนวทางของรัฐบาลและหากเป็นแบบนี้ไทยจะไม่สามารถเป็นประเทศที่มีรายได้สูงได้เลย เพราะขนาดขยายตัวปีละ 5 % ประเทศไทยต้องเวลาถึงประมาณ 20 ปีถึงจะเป็นประเทศรายได้สูงได้ ถ้าขยายตัวปีละ 2-3 % คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นประเทศรายได้สูง และการปรับโครงสร้างดอกเบี้ยทั้งการลดดอกเบี้ยนโยบายและการลดช่วงห่างของดอกเบี้ยเงินกู้เงินฝาก (NIM) จะเป็นการปรับโครงสร้างของประเทศตามที่ ธปท. แนะนำเองด้วย

ในหลายประเทศที่ธนาคารกลางเป็นอิสระ แต่ก็ต้องทำงานสอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาล อาจจะขัดกันได้บ้างในบางเรื่องแต่ไม่ใช่เรื่องหลัก หรือเรื่องที่เป็นนโยบาย โดยยืดประโยชน์ของประเทศและการกินดีอยู่ดีของประชาขนเป็นหลัก หากจะยึดความเป็นอิสระโดยไม่ได้มองเห็นประโยชน์ของประเทศและความเดือดร้อนของประชาชน ทำให้สงสัยว่าธนาคารกลางยังควรจะเป็นอิสระต่อไปอีกหรือไม่ และควรต้องขึ้นกับรัฐบาลหรือไม่ เพราะจะได้ทำงานสอดคล้องกัน อย่างเช่นประเทศจีน ที่ธนาคารกลางประเทศจีนคงไม่ขวางแนวทางของรัฐบาลจีน เศรษฐกิจจีนก็ขยายตัวได้ดีมาตลอด หรือแม้กระทั่งประเทศสิงค์โปร์ที่เป็นประเทศรายได้สูงแล้วก็เป็นเช่นกัน ดังนั้นจึงอยากให้ ธปท. ได้ตั้งหลักคิดใหม่โดยยึดประโยชน์ของประเทศและความสุขประชาชนเป็นหลัก อย่าเพียงคิดแค่เพียงว่าเป็นอิสระแต่ประชาชนเดือดร้อนและเศรษฐกิจไทยไม่ได้ขยายตัวไปถึงไหนเลย 

ทั้งนี้ เสถียรภาพทางการเงินที่ ธปท. ชอบอ้างถึง แต่ถ้าหากเศรษฐกิจขยายตัวต่ำมาตลอดเป็นเวลานาน ประชาชนส่วนใหญ่มีรายได้ไม่พอเลี้ยงชีพ สุดท้ายปัญหาทางสังคมจะตามมาโดยเฉพาะอาชญกรรม การจี้ ปล้น เรียกค่าไถ่ ฯลฯ เหมือนที่เกิดขึ้นในประเทศในอเมริกาใต้ เมื่อถึงตอนนั้นเสถียรภาพก็จะไม่เกิด จะมีแต่ปัญหาทางเศรษฐกิจและอาชญกรรมตามมา ดังนั้นจึงอยากให้ ธปท. พิจารณาให้ครบทุกด้านอย่าเพียงอ้างเพียงกรอบคิดเดียวหรือเป็นอิสระอย่างเดียว ปัญหามากมายจะเกิดขึ้นตามมาได้ ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้เป็นเช่นนั้น ดังนั้นการขยายตัวเศรษฐกิจที่สูงจึงเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น
 

หน้าแรก » การเมือง