วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 13:28 น.

การเมือง

ครม.เห็นชอบกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร ส่งสภาถกต่อพร้อมส่งกฤษฎีกาดูเพิ่ม

วันจันทร์ ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2568, 12.43 น.

เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568  คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติ เห็นชอบหลักการ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เตรียมส่งสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาวาระที่ 1 พร้อมทั้ง ส่งกฤษฎีกาดูข้อกฎหมายเพิ่มเติม ลำหรับร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … กำหนดประเภทธุรกิจสถานบันเทิงไว้ 10 ประเภท ได้แก่ 1.ห้างสรรพสินค้า
2.โรงแรม 3.ร้านอาหาร ไนต์คลับ ดิสโก้เธค ผับ หรือบาร์ 4.สนามกีฬา 5.ยอชต์และครูซซิ่งคลับ  6.สถานที่เล่นเกม 7.สระว่ายน้ำและสวนน้ำ 8.สวนสนุก 9.พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้า OTOP 10.กิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด

นอกจากนี้ยังกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมต่าง เช่น ใบอนุญาตครั้งแรก ฉบับละ 5,000 ล้านบาท รายปี ปีละ 1,000 ล้านบาท ต่ออายุใบอนุญาต ฉบับละ 5,000 ล้านบาท รายปี ปีละ 1,000 ล้านบาท ค่าเข้าสถานประกอบการกาสิโนของผู้มีสัญชาติไทย ครั้งละ 5,000 บาท

ทั้งนี้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า มติที่ประชุมครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร โดยขั้นตอนจากนี้จะส่งร่างพ.ร.บ.ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบอีกครั้ง ก่อนส่งเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า เลขาธิการกฤษฎีกาได้กล่าวในที่ประชุมครม.ยืนยันด้วยว่าความเห็นของกฤษฎีกาที่ออกมาไม่ได้ขวางการดำเนินนโยบาย แต่ต้องทำข้อกฎหมายข้างในร่างพ.ร.บ.ให้มีความชัดเจนรัดกุมมากขึ้น

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงข้อท้วงติงจากคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.การประกอบกิจการสถานบันเทิงครบวงจร ว่า หลังจากกระทรวงการคลังได้หารือ เหตุผล ความจำเป็นเป็นอย่างไร ซึ่งมีเหตุผลและความจำเป็นเพื่อแข่งขันกับประเทศอื่น แต่สิ่งที่ต้องไปกำกับอย่างประเทศอื่นที่มีเกมรูม หรือความสนุกสนาน ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนน้อย แต่รายได้มาจากส่วนอื่นมากกว่า ส่วนใหญ่จะเป็นพวกโรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียง และหาก สถานที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมก็จะเกิดการจ้างงาน

เมื่อถามว่านอกจากกฤษฎีกาที่ไม่เห็นด้วยแล้วมีหน่วยงานอื่นอีกหรือไม่ นายพิชัยระบุว่า ไม่มีใครที่ไม่เห็นด้วยในเชิงของหลักการ เกือบจะ 90% ที่เห็นด้วยทั้งหมด แต่ทุกคนมีข้อสังเกตที่ตรงกับลักษณะงานที่ตัวเองดูแลอยู่ อย่างเรื่องกาสิโน ที่กลัวคนไทยและเด็กอายุไม่ถึง 20 ปี เข้าไปเล่น ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงต้องรับไว้ ว่าจะต้องกำกับอย่างไร ซึ่งรัฐบาลไม่ได้สนับสนุนเพราะสิ่งที่รัฐบาลต้องการคืออยากให้ต่างประเทศเข้ามาใช้เงินมากกว่า

ส่วนสาเหตุที่ไม่ไปแก้ไขกฎหมายการพนันโดยตรง ยืนยันได้ว่าไม่ได้เอาการท่องเที่ยวมาบังหน้า แต่หลายๆ อย่างเป็นเรื่องของการเอนเตอร์เทนเม้นต์ และรายได้ที่มาจากคาสิโนเป็นส่วนน้อย

พร้อมยกตัวอย่างห้างสรรพสินค้าหนึ่งห้าง ที่ทุกวันนี้คนไปเดินห้างไม่ได้ไปซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว เพราะทุกคนมีการปรับตัวหมด ในห้างสรรพสินค้ามีบริการที่หลากหลาย แต่เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์คือภาพขนาดใหญ่ ต้องดูแลองค์ประกอบให้ไปในทิศทางเดียวกันด้วย จึงต้องออกกฏหมายมากำกับดูแล  พร้อมย้ำว่ากฎหมายเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ของกระทรวงการคลังและกฎหมายการพนันออนไลน์ ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำลังจะศึกษาเป็นคนละเรื่องกัน
 

หน้าแรก » การเมือง