เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568  ที่รัฐสภา มีการประชุมของคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมี นายฉลาด ขามช่วง สส. ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน กมธ. ได้พิจารณาตรวจสอบการฮั้วเลือก สว. ซึ่งได้เชิญ ตัวแทน สว.กลุ่มสำรองเข้าชี้แจง ซึ่งนายฉลาด ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมว่า กมธ.เชิญ ผู้ร้อง และ กกต. มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อรับฟังข้อมูลทั้งหมดที่อ้างว่าถูกข่มขู่จากหน่วยของรัฐ แต่เมื่อสังคมเกิดความสงสัย ทุกองค์กรมีหน้าที่ ดังนั้น ไม่ใช่เป็นการใส่ร้าย หรือปั้นแต่ง เกิดจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

"เนื่องจากมีผู้ร้องมายังกมธ.ฯ จึงให้เจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลว่ามีการกลั่นแกล้งกันหรือไม่ เพราะสภาเป็นสภาคู่ ซึ่งวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร ต้องทำงานร่วมกัน เป็นพี่เป็นน้องกัน ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกันไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ยืนยันว่าตนเป็น สส.มา 10 สมัย ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ต้องทำหน้าที่ไม่ทำไม่ได้ โดย ในนามสภาผู้แทนราษฎร เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายนิติบัญญัติที่จะสร้างความมั่นใจว่า เราสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา มาโดยชอบด้วยกฎหมาย สง่างาม สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความสวยงามตามระบอบประชาธิปไตย" นายฉลาด กล่าว

ขณะที่ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ พาบุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นพยานในคดีฮั้วเลือก สว. ซึ่งสวมหมวกผ้าคลุมและแว่นตาดำปิดบังใบหน้ามาชี้แจงกับกมธ. พร้อมนำเอกหลักฐานการเป็นภาพซองเงินที่จ่ายให้โหวตเตอร์ก่อนการเลือกสว. มาแถลงข่าวก่อนการเข้าชี้แจง

ทางด้าน น.ส.กุสุมาลวตี ศิริโกมุท สว.สำรอง ฐานะผู้ร้อง ให้สัมภาษณ์ด้วยว่า ก่อนวันเลือกสว.เพื่อเจอหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ที่ทุกคนรู้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการ ซึ่งตนได้พบหัวหน้าพรรคคนดัง รวมถึงอดีตรมช.คนหนึ่ง และได้แลกไลน์กับเลขานุการเอาไว้ รวมถึงโทรไปหาผู้หญิงคนหนึ่งที่ จ.อำนาจเจริญ ซี่งเป็นคนสำคัญที่ทำโพยทุกโพย

"ดิฉันจึงได้โทรไปหาผู้หญิงคนดังกล่าว ซึ่งเขาตอบมาว่าหัวหน้าได้บอกมาแล้ว พร้อมถามดิฉันต่อว่าอยู่กลุ่มไหน แต่เมื่อบอกว่าอยู่กลุ่ม 14 ผู้หญิงคนนั้น กลับตอบว่าเต็มแล้ว ทั้งที่ยังไม่มีการเลือกในขณะนั้น แต่บอกว่าสว.10 คนเต็มแล้วแสดงว่ามีการจัดโผกันเสร็จแล้ว และวันนี้ ดิฉันจะถามผู้หญิงคนนั้นด้วยว่าจำได้หรือไม่" น.ส.กุสุมาวตี กล่าว

น.ส.กุสุมาลวตี กล่าวต่อว่า คนที่ตนกล่าวถึงก็มาเข้าร่วมประชุมกมธ.ฯในวันนี้ด้วย ดังนั้นตนจะถามในที่ประชุมด้วย ขอย้ำว่าตนมีเสียงพูดคุยกับผู้หญิงคนดังกล่าว เนื่องจากโทรศัพท์ตนได้บันทึกเสียงไว้โดยอัตโนมัติ

DSI เดินหน้าลุยคดีฟอกเงิน-อั้งยี่ "ฮั้วเลือก สว." ต่อเนื่อง

พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษกดีเอสไอ กล่าวยืนยันว่า DSI จะเดินหน้าทำคดีฟอกเงิน-อั้งยี่ กรณีฮั้ว สว. แม้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ถูกคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ในส่วนกำกับดูแลดีเอสไอ โดยการบริหารกับคดี เป็นคนละส่วนกัน ยืนยันไม่กังวลหาก สว. จะดำเนินคดีกลับ

เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 1 อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยถึงกรณีที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ถูกคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ในส่วนกำกับดูแลดีเอสไอ จากกรณีคดีฮั้วเลือก สว.67 โดยระบุว่า

เรื่องดังกล่าว เราดูจากเนื้อหาข่าวที่ออกมา เป็นเรื่องการหยุดปฎิบัติหน้าที่ในภารกิจของรัฐมนตรีใน 2 หมวก คือ หมวกการบริหาร ในฐานะกำกับดูแล และหมวกที่ 2 คือ รองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (บอร์ด กคพ.) ซึ่งในกระบวนการสืบสวนสอบสวนเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ดำเนินการ ไม่ได้เกี่ยวโยงกับรัฐมนตรี ส่วนจะมีผลต่อการทำงานของดีเอสไอหรือไม่นั้น ตนยืนยันว่าไม่มีผล เพราะพยานหลักฐานยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน ทุกอย่างก็ต้องเดินไปตามปกติ

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวอีกว่า หลักการทำงานของดีเอสไอ คือ ฟังความทั้งสองฝ่าย ดีเอสไอต้องการให้ได้ข้อเท็จจริงที่นิ่งที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนจะผิดหรือไม่ และมีใครผิดค่อยว่ากันอีกครั้ง ส่วนที่ฝั่งสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. เริ่มเดินเกมกลับอย่างต่อเนื่องในการเอาผิดดีเอสไอนั้น มันเป็นเรื่องที่ทุกคนตรวจสอบกันได้ ย้ำว่าต้องแยกเรื่องบริหารในการกำกับดูแลกับเรื่องคดีเป็นคนละส่วนกัน ซึ่งไม่กังวลว่าจะถูกดำเนินคดี ส่วนฐานความผิดในคดีฟอกเงินและอั้งยี่ที่ดีเอสไอกำกับดูแลเป็นภารกิจประจำตามกฎหมาย ส่วนจะมีความคืบหน้าอย่างไรต้องรอคณะทำงานแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอีกครั้ง

เมื่อถามว่าดีเอสไอต้องลดบทบาทตัวเองลงหรือไม่เพราะ สว. มองว่าดีเอสไอเข้าไปแทรกแซงกระบวนการของ กกต. พ.ต.ต.วรณัน ยืนยันว่า วันนี้เรายังใช้กระบวนการสอบสวนตามขั้นตอนของกฎหมาย.