‘ประเสริฐ’ เผย Press Conference ‘The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025’ สร้างความประทับใจทุกฝ่าย เตรียมเดินหน้าผลักดันไทยสู่ ‘ผู้นำจริยธรรม AI แห่งเอเชีย’ พร้อมประสานงานนานาชาติร่วมปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จัดการอาชญากรรมไซเบอร์ระหว่างประเทศ  

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการเป็นเจ้าภาพประชุมระดับโลกด้านจริยธรรม AI  ‘The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025’ ว่า ช่วงการประชุมที่ได้รับความสนใจจากทุกฝ่ายในการประชุมครั้งนี้และยังคง คือช่วงการแถลงข่าวร่วมกันของแกนนำรัฐบาลไทยและตัวแทนยูเนสโก้ (UNESCO)  ซึ่งตนพร้อม ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี และ Ms.Lidia Brito Assistant Director-General for Social and Human Sciences, UNESCO ตัวแทนของยูเนสโกได้สื่อสารจุดหมายและเป้าประสงค์ในการจัดงานนี้ขึ้นร่วมกัน 
 
นายประเสริฐ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญจากการแถลงข่าวการจัดเวทีนี้ไม่ใช่แค่การเป็นเจ้าภาพ แต่คือ การเปิดประเทศรับบทผู้นำภูมิภาค โดยเฉพาะการร่วมมือกับ UNESCO เพื่อจัดตั้ง AI Governance Practice Center (AIGPC) ที่กรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางการฝึกอบรม วิจัย และขับเคลื่อนมาตรฐาน AI อย่างมีจริยธรรม โดยศูนย์นี้อาจกลายเป็นศูนย์ประเภท 2 (Category 2) แห่งที่สี่ของ UNESCO หากได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ
 
นายประเสริฐ กล่าวว่า ไทยทุ่มลงทุนใหญ่ใน AI กว่า 15.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงปี 2568–2570 รัฐบาลตั้งเป้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรองรับการพัฒนา AI ทั้ง Data Center, Cloud, โครงข่าย 5G, HPC และอื่น ๆ เพื่อให้ประเทศไทยพร้อมรองรับการใช้งาน AI อย่างยั่งยืน พร้อมตั้งเป้า พัฒนาบุคลากรด้าน AI ไม่น้อยกว่า 100,000 คน/ปี เพื่อวางรากฐานให้ระบบนิเวศ (AI Ecosystem) ของไทยแข็งแรงในทุกมิติ 
 
“ไทยจะจัดตั้ง ‘คณะกรรมการ AI แห่งชาติ’ ซึ่งจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ผลักดันนโยบายอย่างต่อเนื่อง แม้อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรี รับประกันได้แผน AI ไทยไม่สะดุดกลางทาง โดยไทยพร้อมเดินหน้าทำงานร่วมกับทุกฝ่าย พร้อมขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยี ร่วมกับประเทศต่างๆ เพราะในโลก AI วันนี้ ความร่วมมือสำคัญกว่าการแข่งขัน พร้อมส่งเสริมการพัฒนา AI ที่ตอบโจทย์ของตัวเอง โดยอิงกับบริบทของแต่ละพื้นที่ ความหลากหลายและคุณภาพชีวิตของประชาชนไทย ที่สำคัญคือจะมีการผนึกกำลังด้าน AI กับอินเดีย ผ่าน MOU ความร่วมในด้านเทคโนโลยีมานานกว่า 2 ปี ปัจจุบันมีแผนนำผู้เชี่ยวชาญ AI จากอินเดียเข้ามาทำงานร่วมกับหน่วยงานไทย เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ยกระดับศักยภาพของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งอินเดียถูกยกให้เป็น Tech Powerhouse ของกลุ่มประเทศ Global South การจับมือกันครั้งนี้คือการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว 
 
นายประเสริฐ กล่าวย้ำว่า มาตรฐาน AI จะต้อง ‘คิดข้ามพรมแดน’ ไม่ใช่แค่ในประเทศเพราะ AI ไม่มีพรมแดน การกำหนดมาตรฐานต้องอาศัยจุดร่วม ไม่ใช่ความแตกต่าง ดังนั้น ไทยและ UNESCO จึงผลักดันแนวทาง Regional Approach  เรียนรู้จากกรณีศึกษาภูมิภาค นำมาประยุกต์สู่ข้อเสนอระดับโลก 
 
ขณะเดียวกัน AI ไม่ใช่แค่การสร้างเศรษฐกิจ แต่ยังกลายเป็นโล่ป้องกันสังคม โดยปัจจุบัน ไทยใช้ AI ตรวจจับข่าวปลอมได้มากกว่า 3,000 เรื่อง/วัน พร้อมร่วมมือกับ Interpol กับการเป็นผู้นำศูนย์ไซเบอร์ของอาเซียน และช่วยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลอาชญากรรมไซเบอร์ระหว่างประเทศ 
 
“การจัดฟอรัมนี้เป็นทั้งเวทีระดับโลก และบทพิสูจน์ความพร้อมของไทยทั้งในด้านยุทธศาสตร์, นโยบายที่ชัดเจน, การลงทุน, โครงสร้างพื้นฐาน และความร่วมมือระหว่างประเทศ ศูนย์ AIGPC ที่กำลังจะเกิดขึ้น จะเป็นหัวใจในการฝึกอบรมบุคลากร AI ระดับภูมิภาค ส่งเสริมจริยธรรม เทคโนโลยีที่โปร่งใส และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่ง AI ที่ดี ไม่ใช่แค่ฉลาดแต่จะต้องมีจริยธรรม มีหัวใจ และสร้างอนาคตร่วมกันได้” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว