เมื่อวันที่ 5  มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้สถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชายังคงดำเนินต่อเนื่อง จนมีการปิดด่านหลายจุด แต่ในกรณีผู้ป่วยฉุกเฉิน กองกำลังไทยยังคงให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม ด้วยการเปิดจุดผ่านแดนชั่วคราวเพื่อนำผู้ป่วยชาวกัมพูชาเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลไทยอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 จ.ตราด ได้รับการประสานจากทางการกัมพูชา ขอให้เปิดด่านบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ เพื่อส่งตัวผู้ป่วยไส้ติ่งแตกมายังโรงพยาบาลสิริเวช จ.จันทบุรี หลังได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่ได้เปิดประตูด่านทันที พร้อมอำนวยความสะดวกจนผู้ป่วยถึงโรงพยาบาลอย่างปลอดภัย

ก่อนหน้านั้น วันที่ 2 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่จุดผ่านแดนถาวรด่านช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ได้รับเรื่องขออนุญาตส่งผู้ป่วยโรคมะเร็ง 2 รายจากกัมพูชาเข้ามารักษาในฝั่งไทย หลังตรวจสอบเอกสารเรียบร้อย จึงจัดส่งต่อผู้ป่วยให้ทีมแพทย์ตามขั้นตอน ส่วนในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเอกชนใน จ.สุรินทร์ ยังได้จัดส่งยา 75 ชุดไปให้ผู้ป่วยกัมพูชาที่ไม่สามารถข้ามแดนมารับยาได้เอง เนื่องจากมาตรการคุมเข้มชายแดน

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่ด่านถาวรบ้านแหลม หน่วยงานประสานงานชายแดนทั้งสองฝ่าย ได้ร่วมกันส่งต่อผู้ป่วยหญิงชาวกัมพูชา มารักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพ–จันทบุรี โดยรถพยาบาลกัมพูชานำผู้ป่วยมาส่งถึงกลางสะพาน เจ้าหน้าที่ไทยก็เข้ารับตัวต่อทันที

อีกกรณีเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่ด่านคลองลึก–ปอยเปต จ.สระแก้ว กองกำลังบูรพาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้อำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยโรคหัวใจชาวกัมพูชาอายุ 31 ปี และผู้ติดตาม เดินทางเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้ทันเวลา จนผู้ป่วยอาการปลอดภัย

เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนหลักการมนุษยธรรมที่ไทยยึดถือ แม้ข้อพิพาทชายแดนจะสร้างความตึงเครียด แต่ทุกชีวิตยังมีค่า เจ้าหน้าที่ไทยย้ำชัดว่าการช่วยเหลือผู้ป่วยไม่ได้มองว่าเป็น “ศัตรู” แต่คือผู้ที่ต้องได้รับการรักษาเร่งด่วน

ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจจากการปิดด่าน อาชีพไกด์นำเที่ยวชายแดนกัมพูชาหลายคนก็ปรับตัว จากเดิมพานักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมโบราณสถาน เปลี่ยนบทบาทเป็นผู้ประสานงานรับผู้ป่วยข้ามแดนเข้าสู่โรงพยาบาลในไทยแทน

ไกด์ชาวกัมพูชารายหนึ่งเผยว่า หลังข้อพิพาททำให้นักท่องเที่ยวหายหมด จึงหันมาช่วยประสานคนไข้ที่ต้องรักษาพยาบาล เพราะโรงพยาบาลไทยมีทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือทันสมัย จึงเป็นจุดหมายหลักที่ผู้ป่วยกัมพูชาต้องการเดินทางมารับการรักษา

“ต้องขอบคุณหมอไทยที่ช่วยชีวิตพี่น้องกัมพูชา ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร คนป่วยก็ต้องได้รับการดูแล” ไกด์คนเดิมกล่าว

นี่คือตัวอย่างความร่วมมือเชิงมนุษยธรรมที่ยังคงดำเนินต่อไป แม้ชายแดนจะตึงเครียด แต่ความเป็นเพื่อนมนุษย์ไม่เคยถูกปิดกั้น.