วันพุธ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 12:49 น.

การเมือง

ครม.ถอนร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ – ลุยมาตรการ "รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย"

วันอังคาร ที่ 08 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 12.49 น.

ครม.ไฟเขียวถอนร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ – ลุยมาตรการ “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” เริ่มใช้ 1 ต.ค. ลงทะเบียนผ่านแอป “ทางรัฐ” ส.ค.นี้

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 27/2568 โดยที่ประชุม มีมติเห็นชอบให้ถอนร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ... ออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง

การตัดสินใจถอนร่างกฎหมายดังกล่าว มีขึ้นหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา และเพื่อเปิดโอกาสให้ภาคสังคมได้ร่วมทำความเข้าใจถึงรายละเอียดและผลกระทบของร่างกฎหมายดังกล่าวอย่างรอบด้าน

เดิมทีร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีเป้าหมายเพื่อจัดระเบียบการดำเนินธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ผ่านคณะกรรมการนโยบายและสำนักงานควบคุมโดยเฉพาะ แต่เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า ยังมีประเด็นอ่อนไหวที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม ครม.จึงเห็นชอบให้ถอนออกชั่วคราว เพื่อรอเวลาที่เหมาะสม

รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เริ่มใช้ 1 ต.ค. – ลงทะเบียนผ่าน “ทางรัฐ” เดือน ส.ค.
ในวันเดียวกัน คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบมาตรการสำคัญตามนโยบายลดค่าครองชีพ ได้แก่ “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ครอบคลุมระบบขนส่งทางรางทุกเส้นทางในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยจะเริ่มใช้จริงตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป พร้อมเปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้าในเดือน สิงหาคมนี้ ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”

ผู้ใช้สิทธิต้องเป็น บุคคลสัญชาติไทย และจะต้องยืนยันตัวตนด้วยหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก โดยสิทธิ์สามารถใช้งานได้ผ่านบัตรโดยสารต่าง ๆ เช่น Rabbit Card (ใช้กับสายสีเขียว, ทอง, เหลือง, ชมพู) และ บัตรเครดิต/เดบิต EMV Contactless (ใช้กับสายแดง, น้ำเงิน, ม่วง, ชมพู, เหลือง และ ARL)

ในอนาคต รัฐบาลยังมีแผนพัฒนาระบบ QR Code บนสมาร์ตโฟน เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานอีกด้วย

นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท จะครอบคลุมระบบรถไฟฟ้าทั้งหมด 13 เส้นทาง ระยะทางรวม 279.84 กิโลเมตร จำนวน 194 สถานี โดยรัฐบาลตั้งเป้าหมายให้มาตรการนี้ช่วยลดภาระค่าครองชีพ กระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น

ผลประโยชน์มหาศาล – คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
โฆษกรัฐบาลระบุว่า การดำเนินนโยบายนี้คาดว่าจะช่วย ประหยัดงบประมาณได้กว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี จากผลดี 3 ด้าน ได้แก่

เศรษฐกิจ – ลดค่าใช้จ่ายการใช้รถยนต์ส่วนตัว

สังคม – ลดอุบัติเหตุและเพิ่มความสุขในการเดินทาง

สิ่งแวดล้อม – ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษจากรถยนต์

รัฐบาลยังมั่นใจว่าปริมาณผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้น และการชดเชยรายได้จะครอบคลุมผ่านกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม รวมถึงแหล่งเงินอื่นที่เหมาะสม

“นี่ไม่ใช่แค่เรื่องค่าโดยสาร แต่เป็นการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว ทั้งความสะดวก ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม” นายจิรายุกล่าว
 

หน้าแรก » การเมือง