วันพุธ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 14:36 น.

การเมือง

 “เศรษฐา” เสนอ “ศิลปินแห่งชาติด้านกีฬา” เปิด Roadmap พัฒนากีฬาไทยสู่ระดับโลก ดัน Sport Economy – บัวขาว-เทนนิสเป็นแรงบันดาลใจ 

วันพฤหัสบดี ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 15.18 น.

“เศรษฐา” เสนอ Roadmap ยกระดับกีฬาไทยรากสู่โลก วางรากฐานฝึกซ้อม–โภชนาการ–วิทยาศาสตร์การกีฬา เชื่อม Sport Economy–ซอฟต์พาวเวอร์ ดันบัวขาว–เทนนิส เป็นแรงบันดาลใจ พร้อมผลักดันให้เกิด “ศิลปินแห่งชาติด้านกีฬา”

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ร่วมเวทีเสวนา “กีฬาไทยจะไปทางไหนดี?” ภายในงาน SPLASH Soft Power Forum 2025 พร้อมด้วย “บัวขาว บัญชาเมฆ” นักมวยไทยระดับตำนาน และ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดหญิงเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัย โดยมี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นผู้ดำเนินรายการ

นายเศรษฐา กล่าวเปิดเผยแนวทางพัฒนากีฬาไทยให้แข่งขันในเวทีโลกอย่างยั่งยืน ผ่าน 4 เสาหลัก ได้แก่ “การฝึกซ้อม – โภชนาการ – วิทยาศาสตร์การกีฬา – การสร้างอาชีพ” พร้อมผลักดัน “Sport Economy” และซอฟต์พาวเวอร์ไทย โดยยก “บัวขาว” และ “เทนนิส” เป็นตัวอย่างความสำเร็จ และแรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่

นายกฯ ชี้ว่า กีฬามวยไทยถือเป็น “ซอฟต์พาวเวอร์ประจำชาติ” ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง หากได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ทั้งในด้านโภชนาการ วิทยาศาสตร์การกีฬา และการจัดระเบียบค่ายมวยเพื่อการค้า เช่นที่เกิดขึ้นในภูเก็ต ซึ่งสามารถดึงรายได้จากนักท่องเที่ยวทั่วโลก

“เด็กไทยหายไปจากวงการมวยไทย ขณะที่เด็กต่างชาติแห่เข้าฝึกซ้อมกันเต็มค่าย นี่คือสัญญาณที่รัฐต้องเร่งส่งเสริมเยาวชนไทยกลับมา” บัวขาว กล่าวเสริม

ขณะเดียวกัน “เทนนิส” พาณิภัค ระบุว่า ความสำเร็จของเธอเกิดจากระบบสนับสนุนที่ดี ตั้งแต่ที่พัก โค้ช โภชนาการ นักจิตวิทยา ไปจนถึงการรักษาสมดุลชีวิตกับการเรียน เธอฝันว่า “อยากสร้างนักกีฬาให้เก่งกว่าตัวเองในอนาคต” และย้ำว่าจิตวิทยาการกีฬาเป็นกุญแจสำคัญที่รัฐต้องใส่ใจ

นายเศรษฐายังเสนอให้กระทรวงวัฒนธรรมพิจารณาเพิ่ม “ศิลปินแห่งชาติด้านกีฬา” เพื่อยกย่องนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงระดับโลก เช่น บัวขาวและเทนนิส โดยระบุว่า “ไม่มีใครเผยแพร่มวยไทยไปทั่วโลกได้เท่าบัวขาว”

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจการกีฬา นายกฯ ยกตัวอย่าง “ชนาธิป” นักฟุตบอลที่สร้างรายได้นับร้อยล้าน พร้อมเน้นว่า ต้องพัฒนานักกีฬาไทยควบคู่ไปกับการเปิดโอกาสให้นักกีฬาต่างชาติ เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม และยกระดับลีกกีฬาในประเทศ

ส่วนเป้าหมาย “บอลไทยไปบอลโลก” นายเศรษฐากล่าวว่า “ต้องวางรากฐานตั้งแต่วันนี้ หากจะเดินตามรอยญี่ปุ่น ต้องลงทุนยาวนานไม่ต่ำกว่า 30 ปี ไทยยังพอมีเวลา ขอเพียงเริ่มต้น”

สุดท้าย นายกฯ ย้ำว่า นโยบายส่งเสริมกีฬาไม่ใช่แค่ให้เงินรางวัล แต่ต้องเริ่มจากการจัดสรรงบให้สมาคมกีฬาอย่างเป็นธรรม และสนับสนุนการฝึกซ้อม โภชนาการ และวิทยาศาสตร์การกีฬาในระดับรากหญ้า เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงให้วงการกีฬาไทยอย่างยั่งยืน
 

หน้าแรก » การเมือง