เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2568   นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายระหว่างประเทศและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสเฟสบุ๊คแสดงความเห็นว่า “ผมเห็นข่าวล่าสุดที่ทรัมป์ประกาศไม่ลดภาษีนำเข้า 36% ให้ไทยเลยแม้แต่นิดเดียวแม้รัฐบาลจะส่งทีมไปเจรจาอย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่ารัฐบาลเอาอะไรไปเจรจา เพราะถ้าไปเจรจาโดยที่เรามีแต่จะเสนอนู่น เสนอนี่ หรือเปิดประตูให้สินค้าบางอย่างของเขาเข้ามาอย่างสะดวกโยธินแต่ฝ่ายเดียว แต่ถ้าเราไม่มีไพ่เด็ดอะไรในมือที่ ‘เหนือ’ กว่าเข้าบ้าง ทางสหรัฐ ฯ เขาก็ไม่จำเป็นต้องลดอะไรให้เรา มีแต่จะบีบเราหนักขึ้น ๆ 
.
อย่าลืมว่าโลกปัจจุบันเศรษฐกิจและการเมืองผูกโยงกันอย่างแยกไม่ออก การเจรจรความทางการค้าไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องทางการค้าอย่างเดียว แต่เกี่ยวเนื่องกับบริบทด้านความมั่นคงด้วย ดังนั้นไทยสามารถใช้แต้มต่อทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เรามีต่อสหรัฐ ฯ และจีน เข้ามาเพิ่มอำนาจต่อรองในการเจรจาได้ เนื่องจากทั้งไทยมีความสำคัญต่อสหรัฐฯและจีนเป็นอย่างมากในทางภูมิรัฐศาสตร์ กล่าวคือ ทั้งสองชาติจำเป็นต้องพึ่งไทยในการแย่งชิงดุลอำนาจของความเป็นมหาอำนาจโลก เพราะชัยภูมิของประเทศไทยอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมพอดี ในทางทะเล ไทยอยู่ไม่ไกลจากไต้หวัน ฟิลิปปินส์และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐ ฯ ในแนวรบแปซิฟิก ส่วนในภาคพื้นดิน ไทยก็เป็นเสมือนสนามหลังบ้านของจีนแม้ไม่มีพรมแดนติดกัน (ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของไทย)
 
ลองนึกดูว่าทำไมสหรัฐ ฯ ต้องฝึกคอบร้าโกล์ดกับไทยทุกปี และแสดงความกระสันที่อยากจะตั้งฐานทัพในไทยมาตลอด ส่วนจีนก็ให้ความสำคัญกับไทยมาก ถึงเริ่มมีการซ้อมรบร่วมกันหลายครั้ง พระบรมวงศานุวงษ์ของไทยหลายพระองค์ก็มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับจีน และมีความร่วมมืออีกหลายอย่างในทุกมิติทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ฯลฯ 
 
ดังนั้น ไทยยังคงสามารถใช้นโยบาย ‘ไผ่ลู่ลม’ กับการเจรจาภาษีกับสหรัฐ ฯ ได้ ยกตัวอย่างเช่น หากสหรัฐ ฯ ยังไม่ยอมลดภาษีให้ไทย ไทยก็สามารถกระแอมอ้อม ๆ กลับไปว่า งั้นยกเลิกการซ้อมคอบร้าโกลด์ปีหน้านะ เดี๋ยวจะไปซ้อมรบกับจีนแทน หรือถ้ายังไม่ยอมลดภาษีให้ เดี๋ยวจะซื้ออาวุธจากจีนเพิ่ม จะไม่ซื้อของสหรัฐ ฯ แล้วหรือ จะให้จีนเอาเรือบรรทุกเครื่องบินมาประจำแถวน่านน้ำไทยเล็งไปแถว ๆ ประเทศพันธมิตรแปซิฟิกของสหรัฐฯ นะจ๊ะ หรือ ส่งสัญญาณอื่นใด ให้สหรัฐ ฯ สำเหนียกว่าเราพร้อมที่จะ ‘ลู่ลม’ เข้าหาจีน หากสหรัฐ ฯ ไม่ยอมทำตามที่เราขอร้อง
 
มีวลีเกี่ยวกับการเจรจาว่า ‘ถ้าไม่มีปืน ก็ไม่ต้องไปเจรจา’ หมายความว่า การไปเจรจาโดยที่เราอยู่ในสถานะมือเปล่า ๆ ไม่มีอะไรไปขู่เขาบ้าง ก็อย่าไปเจรจาเสียดีกว่า เพราะมีแต่จะโดนเขารังแกและเอาเปรียบมากขึ้น ผมก็หวังว่าทีมเจรจาของรัฐบาลคงจะมองตรงนี้ออกนะครับ ด้วยความปรารถนาดี”