เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากศูนย์บริหารการดูแลกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ (ศบปภ.) กระทรวง พม. กรณี การช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย จากเหตุสถานการณ์การปะทะในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย–กัมพูชา โดย ศบปภ. พม. จังหวัดสุรินทร์ รายงานว่า ทีม ศบปภ.พม.จังหวัดสุรินทร์ ได้ลงพื้นที่พบปะพูดคุยให้กำลังใจผู้ประสบภัย พร้อมสำรวจปัญหาและความช่วยเหลือต่างๆที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวจังหวัดสุรินทร์ 3 แห่ง ซึ่งขณะนี้ มีผู้อพยพ รวมทั้งสิ้น 8,172 ราย คาดว่าจะมีจำนวนผู้อพยพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะที่ทีมเจ้าหน้าที่จากศูนย์บริการคนพิการจังหวัดสุรินทร์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประสบภัยที่ศูนย์พักในอำเภอสังขะ ที่สามารถรองรับผู้อพยพรวม 2,558 คน โดยมีผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้จำนวน 22 เตียง และได้มอบน้ำดื่มจำนวน 48 แพค พร้อมของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน 

สำหรับจังหวัดสุรินทร์ มีพลเรือนและทหารได้รับบาดเจ็บรวม 22 ราย มีพลเรือนเสียชีวิต 4 รายโดย ทีม ศบปภ.พม.จังหวัดสุรินทร์ ได้ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิตที่ถูกระเบิด 2 ครัวเรือนที่อำเภอกาบเชิง พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือในเรื่องสิทธิสวัสดิการต่างๆ เป็นเงินสงเคราะห์ครอบครัวกรณีฉุกเฉิน , เงินสำหรับการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุและคนพิการ และเงินมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระราชูปถัมภ์ 

อย่างไรก็ตามที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ในหลักเกณฑ์การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ห้วงเวลาตั้งแต่ 24 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป จนกว่าจะสิ้นสุดสถานการณ์ดังกล่าว ดังนี้ 

1) เห็นชอบกรอบอัตราช่วยเหลือพลเรือน ได้แก่ 1.1) กรณีเสียชีวิต รายละ 1,000,000 บาท 1.2) กรณีทุพพลภาพ รายละ 700,000 บาท 1.3) กรณีบาดเจ็บสาหัส รายละ 200,000 บาท 1.4) กรณีบาดเจ็บมาก รายละ 100,000 บาท และ 1.5) กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 50,000 บาท

2) เห็นชอบให้ความช่วยเหลือข้าราชการ ทหาร ตำรวจ โดยจ่ายเพิ่มจากหน่วยงานต่างๆ ได้ครบตามอัตราที่กำหนดให้ความช่วยเหลือพลเรือน

3) มอบหมายกระทรวง พม. แจ้ง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งกรณีเสียชีวิต บาดเจ็บ พร้อมทั้งรวบรวมเอกสารเพื่อใช้ในการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือให้เรียบร้อย และประสาน ผู้ว่าราชการจังหวัด ในการดำเนินการช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว และใช้เวลาน้อยที่สุด

4) เห็นชอบให้ประชาสัมพันธ์ให้ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมบริจาคเงินสมทบเข้ากองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา โดยสามารถบริจาคผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย ประเภทออมทรัพย์ เลขบัญชี 067-0-06895-0