เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568    นายประมวล พงศ์ถาวราเดช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สส.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ในการประชุมสภาฯ ที่มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 มาตรา 17 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และมี สส. ของพรรคประชาชน ได้อภิปรายถึง โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นการติดตั้งหัวหาดเทียมผสมผสานแนวทางในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่า โครงการดังกล่าว เป็นการจัดทำเพื่อฟื้นฟูชายหาดที่เสียหายจากที่มีการดำเนินการก่อสร้างกำแพงกันคลื่น และเป็นการจัดทำโดยใช้แนวคิดธรรมชาติเป็นฐาน (Nature-based solutions) ทำให้ไม่เข้าข่ายที่ต้องจัดทำ EIA และเป็นไปตามระเบียบราชการ 

นายประมวลระบุว่า การอภิปรายของสส.พรรคประชาชนในมาตราดังกล่าวมีการใช้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง กล่าวคือ โครงการนี้อยู่ในพื้นที่เทศบาลตำบลปากน้ำปราณ ขณะที่เทศบาลที่อ้างถึงในการอภิปรายนั้นไม่ได้อยู่ติดชายหาด จึงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน และที่สำคัญที่สุดไม่มีการเอื้อประโยชน์ใดๆ กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย สำหรับในส่วนของการพิจารณางบประมาณ 2569 ในวาระ 2 หากมีการพิจารณาตัดลดงบประมาณก็สามารถทำได้ แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึงให้มากคือต้องยึดผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ด้วย 

สอดคล้องกับที่ นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ทำหนังสือชี้แจงกรณีที่ นายนิติพล ผิวเหมาะ พรรคประชาชน ได้อภิปรายในการประชุมสภาฯ วานนี้ (14 ส.ค.) ว่า โครงการติดตั้งหัวหาดเทียมผสมผสานแนวทางการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูความสมดุลของระบบนิเวศชายฝั่งทะเลในพื้นที่หาดปราณบุรี ซึ่งมีพื้นที่ดำเนินการที่ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีระยะทาง 500 เมตร มุ่งเน้นเสริมสร้างความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ ด้วยแนวทางใกล้เคียงธรรมชาติ อันเป็นการยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อมทางทะเลให้เหมาะสม ทั้งเป็นโครงการที่คำนึงถึงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ชายหาดที่เสื่อมโทรมเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ต่อไป