"ณัฐพล"  แจง ศบ.ทก. เคลื่อนไหวน้อย รอผลประชุม RBC ก่อนชง กำหนดฉากทัศน์สู่ กอ.รมน.–ครม. ด้านกัมพูชาขยี้ประเด็นชายแดน-ทุ่นระเบิด รอชี้ขาดที่ GBC เสียมราฐ รัฐบาลตื่นหรืออดีตรอง ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติจี้รัฐบาลประท้วงเขมรทำลายหลักเขตแดนไทย

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2568 พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการแทน รมว.กลาโหม ชี้แจงกระแสวิจารณ์ “ศูนย์บริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา” (ศบ.ทก.) เคลื่อนไหวน้อยในช่วงที่ผ่านมา ว่าเป็นเพราะต้องรอผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ของกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 และกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กปช.จต.) ก่อนจะนำไปสู่การประเมินเพื่อเตรียมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ระหว่างไทย–กัมพูชา ที่เมืองเสียมราฐ วันที่ 8–10 กันยายนนี้

พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า ได้หารือกับที่ปรึกษา รมช.กลาโหมทั้ง 8 คน เพื่อกำหนด “ฉากทัศน์” ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวสำหรับ ศบ.ทก. ก่อนเสนอให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรีพิจารณา เหตุผลเพื่อให้การขับเคลื่อนศูนย์ฯ มีทิศทางชัดเจนและเหมาะสมต่อสถานการณ์

ด้านกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุม RBC ไทย–กัมพูชา ที่จังหวัดตราด โดยยืนยันร่วมมือสร้างสันติภาพตามแนวชายแดน ปฏิบัติตามผลการหารือพิเศษระหว่าง พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ ไทย ที่มาเลเซีย เมื่อ 28 ก.ค. 2568 รวมทั้งผลประชุม GBC สมัยพิเศษที่กัวลาลัมเปอร์เมื่อ 7 ส.ค. 2568

ที่ประชุมตกลงจัดตั้ง “คณะประสานงาน (Coordination Group – CG)” เพื่อเสริมกลไกการสื่อสารระดับผู้บังคับบัญชาและหน่วยปฏิบัติการชายแดน ย้ำการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี หลีกเลี่ยงการปะทะ พร้อมเสนอให้บรรจุประเด็น “การกำจัดทุ่นระเบิด” เข้าสู่ที่ประชุม GBC เสียมราฐ เนื่องจาก RBC ไม่มีอำนาจชี้ขาดเรื่องนี้

นอกจากนี้ กัมพูชายังผลักดันการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกลวงออนไลน์ และเรียกร้องให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เพิ่มความตึงเครียด เช่น วางลวดหนาม ทำลายสิ่งปลูกสร้าง หรือเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน พร้อมย้ำฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างเร่งด่วนเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน

ขณะเดียวกัน นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรอง ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความกังวลต่อกรณีเจ้าหน้าที่กัมพูชาพาคณะผู้ช่วยทูตทหารและสื่อมวลชนต่างชาติลงพื้นที่ชายแดนหนองจาน พยายามกล่าวหาฝ่ายไทยปิดกั้นพรมแดนด้วยลวดหนาม แต่กลับพบ “หลักเขตแดนสยาม–ฝรั่งเศส” ปี ค.ศ.1907 อยู่ด้านหลังกั้นรั้ว ซึ่งพิสูจน์ว่าพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นเขตไทย

อย่างไรก็ตาม ภายหลังมีการเผยแพร่คลิปที่เจ้าหน้าที่กัมพูชาทำลายเสาหลักเขตแดนจนเสียหาย นายนันทิวัฒน์เรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งประณาม และดำเนินการฟ้องร้องในเวทีนานาชาติ ชี้เป็นการกระทำที่ “ไม่ศิวิไลซ์และป่าเถื่อน”