“สมศักดิ์” ตอบกระทู้ สว.ปัดริบเงินโรงพยาบาล 3 % ปมเขียนเวชระเบียนไม่สมบูรณ์ เล็งถก 25 ส.ค.เคาะตัวเลข  ยืนยันให้ความเป็นธรรม “หมอสุภัทร” กรณีจัดซื้อเอทีเค เผยยังไม่ทราบผลสรุป รอประชุม อ.ก.พ. เดือน ก.ย.นี้ พร้อมรับเรื่องหากเจ้าตัวยื่นเรื่องขอความเป็นธรรม ชี้ให้ออกจากราชการหรือไม่ ยังเป็นชั้นความลับ    

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1  ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ตอบกระทู้ถามสดของ นพ.วีระพันธ์ สุวรรณามัย สว. ตั้งถามกรณีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จะเรียกเงินคืนจากโรงพยาบาลถ้าหากบันทึกเวชระเบียนไม่สมบูรณ์ ว่า ขอบคุณนพ.วีระพันธ์ ที่สนใจงานกระทรวงสาธารณสุข และห่วงใยบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาล แต่มีเรื่องอยากขอร้องเวลาพาดหัวเอกสารต่างๆ ทำผู้คนตกใจว่าระบบประกันสุขภาพแห่งชาติจะล้มละลาย โรงพยาบาลจะอยู่ไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่เกินที่จะได้พูดคุย ทำความเข้าใจกับผู้คนในประเทศ พูดออกไปครั้งหนึ่งประชาชนรับฟังแล้วตกใจ รู้ว่าพูดเพราะห่วงใย แต่ว่าภาพรวมออกมาแล้วน่าตกใจ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้ปล่อยทอดทิ้งให้เกิดความเสียหาย ในอดีตที่ผ่านมาการตรวจไม่ได้เข้มข้นเหมือนปีนี้ เราตระหนักดีว่าการรักษาพยาบาลหรือคนป่วยมากขึ้น เป็นการใช้จ่ายงบประมาณอย่างที่น่ากลัว ปีนี้เพิ่มขึ้นอีกในการรักษาพยาบาล ตนจึงได้วางนโยบายของกระทรวงเรื่อง NCDs ได้ขอเวลาสภาฯ และรัฐบาลไว้ 2 ปี ในการลดผู้ป่วย NCDs ขณะนี้เข้าถึงพื้นที่ กทม.พบ อสส. 8 เขต จาก 50 เขต ส่วน อสม.ต่างจังหวัดได้เข้าใจการนับคาร์บ นับได้ 41 ล้านคนแล้ว ส่วนกรุงเทพฯ ก็สนใจ เราทำควบคู่กับการตรวจสอบ ที่ตรวจสอบ 3 % เป็นเงินผู้ป่วยในการรักษา 100 % ใช้เงิน 8.4 หมื่นล้านบาท ถ้า 3 % ถูกหักหมดเลย คือ 2,500 ล้านบาท รัฐบาลก็ชดเชยให้ได้ แต่ไม่ได้หักหมด ถ้ามีการหักก็จะอยู่ในเขตสุขภาพนั้นๆ บริหารกลับคืนให้โรงพยาบาล 

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ประชุมบอร์ด สปสช.ตนในฐานะรมว.สธ.เป็นประธานบอร์ด ได้เชิญฝ่ายร้องเรียน รพ.ต่างๆและ เครือข่าย มาพบกับเจ้าหน้าที่ สปสช.พูดคุยทำความเข้าใจกัน ในส่วนที่ลงเอกสารไม่ครบถ้วนก็ให้โอกาสในการปรับเติมในข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ส่วนที่ผิดจริงๆแล้วเราก็หัก แต่ว่าไม่ได้หักเกินจำนวน 2,500 ล้านบาท การตรวจสอบครั้งนี้จะเป็นแนวทางของการใช้ผลงานหรือการใช้การตรวจสอบในปีต่อๆไปอย่างเข้มข้น ยืนยันว่าเราสามารถลดค่าใช้จ่ายในด้านอื่นได้ และหลักประกันสุขภาพชาติจะอยู่ไม่ได้เป็นไปไม่ได้มีแต่จะลดงบประมาณน้อยลง แล้วเอาเงินส่วนน้อยลงนี้ไปให้ อสม. อสส.ในบัญชีเงินนอกงบประมาณ ที่ช่วยรณรงค์ให้คนป่วยน้อยลง แค่เบาหวานอย่างเดียว 2.6 หมื่นล้านบาท ฟอกไต 4 หมื่นล้านบาท พวกนี้สามารถรักษาได้ แต่ในอดีตที่ผ่านมาไม่มีใครทำเอาจริงจัง ยืนยันว่าตัวเลขทั้งหลายได้รับการอุทธรณ์วันที่ 25 ส.ค.นี้จะสรุปว่าต่ำกว่า 2500 ล้านบาท แต่เงินที่หักนั้นไม่ได้เอาไปไหน เขตจะบริหารกลับโรงพยาบาลนั้นๆ ถ้าหากว่าคิดว่ามันจะขาดทุนนั้น รัฐบาลคอยดูแลให้อยู่แล้ว ยืนยันว่ามันไม่ได้มาก และไม่ได้เอาคืนเงินก็คงอยู่ที่เดิม ส่วนการจะบริหารอย่างไรให้มันเป็นประโยชน์สูงสุดก็จะบริหารตามนั้น 

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ยังได้ตอบกระทู้ถามสดของนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว.ตั้งถามกรณีการเอาผิดวินัยร้ายแรง นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย จ.สงขลา กรณีการจัดซื้อชุดตรวจเอทีเค ว่า ข้อเท็จจริงเรื่องนี้มีการร้องเรียน เมื่อมีการร้องเรียน กระทรวงก็สั่งให้ผู้ตรวจสอบภายในได้ไปการตรวจสอบ ผู้ หัวหน้าผู้ตรวจสอบภายในลงพื้นที่โรงพยาบาลจะนะ โรงพยาบาลระโนด เรื่องนี้เกิดขึ้นการจัดซื้อจัดจ้างในปี 2564 แต่ปีการตรวจสอบดังกล่าวนั้นในปี 2566 พบความบกพร่องในการบริหารในฐานะผู้อำนวยการ คือ การจัดซื้อจัดจ้างเอทีเค เรื่องของการอนุมัติแบ่งซื้อแบ่งจ้าง การเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อกิจกรรมแพทย์ชนบทบุกกรุง การสร้างอาคารแปดชั้นที่มีการเปลี่ยนแบบโดยไม่มีการแก้ไขสัญญาการสั่งการเปลี่ยนแบบโดยพละการและมีเรื่องปลีกย่อยทางการจัดซื้อพัสดุ เช่น การแปลงสภาพรถราชการ 

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รับเรื่อง เมื่อพิจารณาว่ามีมูลจึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงและไม่ร้ายแรง  ตามระเบียบของ กพ. มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการ 3 ครั้ง โดยครั้งแรกถูกร้องเรียนว่าไม่ให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา ครั้งที่สอง เพราะเปลี่ยนตัวเลขานุการ และการดำเนินการครั้งที่สาม  ผลตรวจสอบและมติ เมื่อ 15 ส.ค. ซึ่งเป็นความลับ ไม่ทราบว่ามติเป็นอย่างไร ผลตรวจสอบต้องเสนอปลัดกระทรวงสาธารณสุข  และต้องเข้าที่ประชุมอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) ในเดือน ก.ย. นี้ ซึ่งรมว.สธ.เป็นประธาน ส่วนที่บอกว่าการสอบสวนตรงนี้ ทำไมไม่ไปตรวจสอบรพ.อื่นด้วยนั้น ส่วนใหญ่พวกเราที่เป็นนักการเมืองโดนตรวจสอบหรือถูกร้องเรียน ถ้าไม่มีคนร้องจะช้า เพราะไม่มีการติดตาม ถ้า ส.ว.อยากให้ตรวจสอบ ก็สามารถทำหนังสือตรวจสอบเพิ่มเติมได้  

“ในใจผมเข้าใจเรื่องการจัดซื้อ ATK จำเป็นเร่งด่วน เพื่อบริการประชาชน แต่เรื่องลักษณะนี้มีระเบียบราชการ ผมเคยขอร้องให้ราชการร่างกฎหมาย ของคนที่ไม่ตั้งใจทำผิด แต่ผิดระเบียบ หมายความว่าเรื่องทุจริตประเภทหนึ่งเหมือนกัน ผมเคยกำกับดูแล ปปท. การทำอะไรที่ผิดระเบียบ คือเรื่องผิดกฎหมาย ฉะนั้นเป็นหน้าที่ราชการต้องทำให้ถูกระเบียบ นี่คือระบบ แต่เรื่องนี้ต้องติดตามดู เพราะเรื่องยังไม่ส่งถึงผม แต่จะให้ความเป็นธรรมให้ดีที่สุดเมื่อเห็นข้อมูลดังกล่าว ยังมีเวลาสั่งการเพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย อย่างไรก็ตามเรื่องที่เราพูดคุยกันต้องดำเนินการตามระเบียบราชการ อะไรขาดเหลือ ส.ว. สามารถแนะนำเพิ่มเติมได้ ผมยินดีรับเรื่องไปดูให้ละเอียดขึ้น ส่วนการเรียกร้องให้เปิดเผยผลการสอบสวนนั้น อะไรที่ไม่เป็นข้อกำหนด ยินดีจะเปิดเผยข้อมูลให้ทราบ แต่ถ้าเป็นข้อกำหนดหรือระเบียบราชการก็จนใจที่จะทำอย่างนั้น”นายสมศักดิ์กล่าว 
 
 ต่อมา ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เพิ่มเติมกรณีนพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา กำลังจะถูกให้ออกจากราชการ ว่า เรื่องนี้ อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการชุดสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งตนได้ตอบกระทู้ในสภาฯแล้วถึงกรณีผู้อื่นไม่ถูกตั้งกรรมการสอบ ทั้งที่มีการปฎิบัติเหมือนกัน โดยตนได้ตอบคำถามว่า หน่วยงานมีจำนวนมาก การตรวจสอบอาจไม่ได้ 100% แต่ถ้าหลงเหลือตรงไหน และเห็นมีความผิด ก็ช่วยร้องเรียนเข้ามา จะได้มีการตรวจสอบ เพราะหลายหน่วยงาน อย่าง ป.ป.ช. ก็จะตรวจสอบแต่เรื่องที่ถูกร้องเรียน แต่ไม่ใช่ว่า เรื่องไม่ถูกร้องเรียนจะไม่ตรวจสอบ ซึ่งหากพบการกระทำผิด ก็จะถูกตรวจสอบเช่นกัน

เมื่อถามว่า กรณีนพ.สุภัทร สรุปแล้วผิดระเบียบ หรือ ล็อกสเปคชุดตรวจเอทีเค ถึงถูกวินัยร้ายแรง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ให้ศึกษาระเบียบราชการว่า ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. มีการสอบอย่างไร และมีการผิดระเบียบอย่างไร ซึ่งตนไม่ควรพูดเยอะ เพราะไม่ใช่หน่วยงานตรวจสอบ โดยบางทีไม่ใช่โกงอะไร แต่ผิดระเบียบ ทางราชการ ก็ถือว่าผิด ซึ่งที่ผ่านมา ตนก็ได้ให้หน่วยงานหนึ่งเขียนกฎหมาย Law of Efficiency เพื่อตีความช่วยคนทำงานให้ไม่เกิดปัญหา 

เมื่อถามว่า มีมติให้ นพ.สุภัทร ออกจากราชการจริงหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มีใครทราบ เพราะเป็นเรื่องของคณะกรรมการ โดยยังเป็นความลับอยู่ ซึ่งถ้ายังเป็นความลับอยู่ แล้วคนเอาไปพูด ก็แสดงว่า ไปแอบดูของเขามา ก็จะผิดอีก เมื่อถามต่อว่า นพ.สุภัทร บอกว่ายังไม่เคยได้ไปชี้แจง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนก็ไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ก็ให้ทำไปตามระเบียบ และหน้าที่ของแต่ละฝ่าย

เมื่อถามว่า เหมือนมีการตั้งธงสอบ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ ซึ่งตนมาดำรงตำแหน่งหลังเกิดเหตุแล้ว พร้อมไม่ขอมองว่า เป็นความขัดแย้งระหว่างกระทรวง กับแพทย์ชนบท เมื่อถามต่อว่า หลังจากนี้ รมว.สาธารณสุข อาจมีข้อสั่งการหลังสอบสวนเสร็จ ให้เปิดเผยต่อสาธารณะ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนจะไปเอาประเด็น ที่ยังไม่ถึงตนมาสั่งการอะไร ซึ่งขณะนี้ ทุกฝ่ายก็ดำเนินการตามข้อกฎหมาย เมื่อสอบสวนเสร็จ ก็จะสรุปส่งให้ปลัดกระทรวง และมีหน้าที่ส่งให้ อ.ก.พ.กระทรวง ที่มีตนเป็นประธาน แต่ยังไม่ทราบว่า จะประชุมวันไหน 

เมื่อถามว่า นพ.สุภัทร จะมาร้องขอความเป็นธรรมกับ รมว.สาธารณสุข นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็มาได้เลย ซึ่งถ้าตนไม่อยู่ ก็จะให้เลขานุการ รมว.สาธารณสุข คอยรับเรื่อง พร้อมขอย้ำว่า ถ้าอะไรที่เปิดเผยได้ ไม่เป็นความลับทางราชการ ก็เปิดเผยได้ แต่ถ้าเป็นความลับ ก็ต้องทำให้เปิดเผยได้ ถึงจะเปิดเผย เพราะเป็นเรื่องของความลับ จะนำความลับมาเปิดเผย ก็จะมีปัญหาตามมาอีก