เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการหารือกับพรรคประชาชน (ปชน.) เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่า การเจรจาครั้งนี้ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะแกนนำ พร้อมด้วยพรรคร่วมรัฐบาล ได้ยืนยันตรงกันว่าจะรับข้อเสนอทั้งหมดของพรรคประชาชน เพราะเห็นว่าประเทศกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ และถึงเวลาต้อง “รีเซ็ตการเมืองใหม่” ผ่านกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ประเด็นรัฐธรรมนูญปี 2540 ไม่ได้มีเจตนาจะนำกลับมาใช้ แต่หัวใจสำคัญคือการเดินหน้าสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หากพรรคประชาชนติดใจในรายละเอียดก็สามารถถอนออกได้ โดยไม่กระทบต่อสาระสำคัญ ขณะเดียวกันยังยืนยันว่า เรื่อง MOU มาตรา 43-44 ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง พร้อมให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินผ่านประชามติ

ส่วนประเด็นที่ดินเขากระโดงและคดี “ฮั้ว ส.ว.” นายภูมิธรรมระบุว่า เป็นเรื่องในกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ควรถูกแทรกแซง แต่ยอมรับว่าเป็นหัวใจที่น่ากังวล เพราะสะท้อนถึงเสถียรภาพของรัฐบาลในอนาคต

สำหรับความกังวลว่าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) จะสามารถ “ควบคุมได้มากกว่า” นายภูมิธรรมย้ำว่า ไม่มีใครสามารถควบคุมใครได้จริง สิ่งสำคัญคือการทำตามข้อตกลงมากกว่า พร้อมตั้งคำถามว่า หากให้พรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะมีหลักประกันใดว่าปัญหาคดีสำคัญจะไม่ถูกตีความกลับไปเหมือนเดิม อีกทั้งยังเสี่ยงที่รัฐบาลใหม่จะใช้เวลาสั้น ๆ ก่อนยุบสภา

นายภูมิธรรมยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยบิดพลิ้วในข้อตกลง เช่น การสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งทุกเสียงของพรรคเพื่อไทยยกมือให้หมด แต่สุดท้าย ส.ว. ไม่โหวตตามที่ระบุไว้ พร้อมย้ำว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมลืมความขัดแย้งเก่า และร่วมมือกับพรรคประชาชนเพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศตกอยู่ในสภาพ “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ที่ไร้ความเชื่อมั่น

ทั้งนี้ นายภูมิธรรมหลีกเลี่ยงตอบตรง ๆ ถึงทางเลือก “ยุบสภา” โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือเดินหน้าตั้งรัฐบาล แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพรรคประชาชนว่าจะเลือกสนับสนุนใคร พร้อมย้ำว่า ประเทศไม่ควรถูกปล่อยให้เป็นรัฐบาลเป็ดง่อย และการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นครั้งสำคัญที่สุดของพรรคประชาชน

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการขอเสียงจากพรรคประชาชน สนับสนุนให้นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ ว่า ต้องรอพรรคประชาชนว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร เราพยายามเต็มที่ โดยเสนอสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับบ้านกับเมืองแล้ว แต่ไม่ว่าพรรคประชาชนจะเลือกข้างไหน รัฐบาลที่จะเกิดขึ้นก็จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย

เมื่อถามว่า ถ้าพรรคประชาชนไม่รับเงื่อนไขจะยุบสภาหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า การยุบสภาเป็นอำนาจของนายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ที่จะเสนอความเห็นขึ้นทูลเกล้าฯ แต่ต้องดูว่าจะทำหรือไม่ทำอย่างไร ซึ่งในพรรคเพื่อไทย จะมีการพูดคุยในประเด็นนี้อย่างหลากหลายในที่ประชุมพรรควันที่ 2 ก.ย. นี้ สมาชิกพรรคคงได้แสดงความคิดเห็นกันเพิ่มเติม