วันศุกร์ ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2568 01:50 น.

การเมือง

"ดร.สุวิทย์" มอง "การเดินเกมของพรรคการเมือง"  Vs.  "ฉันทามติของประชาชน"   

วันอังคาร ที่ 02 กันยายน พ.ศ. 2568, 09.57 น.

เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568    ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรมว.อว. ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวความว่า 
 
“การเดินเกมของพรรคการเมือง” Vs.  “ฉันทามติของประชาชน” 
ประเทศไทยกำลังยืนอยู่บนทางแยกที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ การเมืองติดหล่ม เศรษฐกิจถดถอย ความเหลื่อมล้ำฝังลึก สังคมแตกแยก และโลกที่หมุนเร็วจนตามไม่ทัน  ในภาวะ “โลกป่วน ไทยป่วย” บ่งบอกเราชัดเจนว่า ความคิด ระบบนิเวศ และเครื่องมือแบบเก่าไม่ตอบโจทย์

หลายฝ่ายเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ — แน่นอน นั่นอาจเป็นเงื่อนไขที่จำเป็น แต่ไม่เพียงพอ (Necessary, But Not Sufficient) เพราะปัญหาของประเทศไทยไม่ได้อยู่ที่ “ตัวบทกฎหมาย” หรือ “กติกา” เท่านั้น แต่อยู่ที่ วิธีคิด วิธีการอยู่ร่วมกัน มายาคติ และสำนึก ของคนในสังคม 

นี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยต้องการ “สัญญาประชาคมชุดใหม่” — ข้อตกลงร่วมของสังคมทั้งประเทศ ที่จะกำหนด “คุณค่าร่วม” (Common Value) “เจตจำนงร่วม” (Common Goals)  “พื้นที่ร่วม” (Common Ground) ก่อนจะลงมือออกแบบ “กติการ่วม” (Common Rule) ซึ่งก็คือ รัฐธรรมนูญ นั่นเอง 

ประเทศไทยกำลังป่วยเรื้อรัง ดังนั้น ความท้าทายระดับวิกฤต (Critical Challenge)  ณ ขณะนี้ คือ จะพลิกฟื้นประเทศไทย จาก “ไทยป่วย” สู่ “ไทยเปลี่ยน” ได้อย่างไร ? 

การแย่งกันจับขั้วเปลี่ยนข้างเพื่อตั้งรัฐบาลใหม่  การยุบสภา หรือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของพรรคการเมืองต่างๆ ที่ดำเนินอยู่ในช่วงนี้ จึงไม่ใช่คำตอบ

คำตอบสำหรับความท้าทายระดับวิกฤต คือ ไทยป่วย → สัญญาประชาคมชุดใหม่ → รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ → ไทยเปลี่ยน
~ Roadmap สู่การเปลี่ยนผ่านประเทศไทย

ระยะที่ 1: สร้างฐานความเข้าใจร่วม 
 • เปิดพื้นที่สนทนาทางสังคมอย่างปลอดภัย 
 • สื่อสาร Big Picture x  Long View ว่า “ประเทศไทยต้องการไปทางไหน คนไทยต้องเป็นอย่างไร“
 • สร้าง “วาระแห่งชาติ” ที่ไม่ผูกกับฝ่ายการเมืองใด เพื่อสร้างความไว้วางใจขั้นต้น

ระยะที่ 2: ร่วมกำหนด คุณค่าร่วม/ เจตจำนงร่วม / พื้นที่ร่วม
 • อะไรที่ทุกฝ่าย “เห็นพ้อง” / “เห็นต่าง”
 - ประเทศไทยจะเดินไปทางไหน?
 - หลักการที่ไม่มีใครมีสิทธิลบล้างได้ คืออะไร?
 - สิ่งที่เราต้องรักษา และสิ่งที่เราต้องเปลี่ยน มีอะไร?
 • ตกผลึกคุณค่าหลัก เช่น ความเป็นพลเมือง คุณธรรมจริยธรรม ความยุติธรรม ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ผลประโยชน์ชาติที่เชื่อมโยงความอยู่ดีมีสุขของประชาชน ความมั่นคงประเทศภายใต้ภูมิรัฐศาสตร์โลก
 • ผสานจารีต (สิ่งที่ควรรักษา) × ปฏิรูป (สิ่งที่ต้องปรับ) เน้นให้คนรุ่นเก่า-ใหม่มองเห็นจุดร่วมและเดินไปด้วยกัน

ระยะที่ 3: ร่วมออกแบบสัญญาประชาคมชุดใหม่ 
 • ถอดรหัส คุณค่าร่วม/ เจตจำนงร่วม / พื้นที่ร่วม เป็นวาระเชิงปฏิบัติ (Action Agenda) ที่เป็นรูปธรรม
 • คุณค่าร่วม/ เจตจำนงร่วม / พื้นที่ร่วม จะเป็นกรอบกว้างที่นำทาง กฎหมาย นโยบาย การเมือง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ฯลฯ ให้สอดรับและไปในทิศทางเดียวกัน
 • รับรองสัญญาประชาคมชุดใหม่ ด้วยกระบวนการที่เปิดกว้าง โปร่งใส ตรวจสอบได้ ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย เพื่อสร้างความชอบธรรมในระยะยาว

ระยะที่ 4: ร่วมร่างรัฐธรรมนูญใหม่บนฐานสัญญาประชาคม 
 • ร่างรัฐธรรมนูญ โดยใช้ “สัญญาประชาคมชุดใหม่” เป็นพิมพ์เขียว 
 • ปรับโครงสร้างอำนาจรัฐ เติมเต็มอำนาจประชาชน ให้สอดรับกับคุณค่าและฉันทามติที่ได้ตกลงร่วมกัน
 • ทำให้รัฐธรรมนูญใหม่ไม่ใช่ “เอกสารทางเทคนิค” อีกหนึ่งชิ้น แต่เป็น “กติกาแห่งความหวังร่วม” ที่นำไปปฏิบัติได้จริง

ระยะที่ 5: ขับเคลื่อนและประเมินอย่างต่อเนื่อง 
 • ตั้งกลไกติดตาม โดยองค์กรที่เป็นอิสระ
 • ประเมินเป็นระยะว่ากติกาใหม่ยังตอบโจทย์ฉันทามติหรือไม่
 • อัปเดตได้ตามบริบทที่เปลี่ยนไป แต่ต้องไม่ทำลายคุณค่าร่วม/ เจตจำนงร่วม / พื้นที่ร่วม 
สัญญาประชาคมชุดใหม่ จึงเป็นจุดตั้งต้นของ “การปฏิรูปการเมืองไทย”  ที่ไม่ใช่การเมืองแบบเก่าๆที่มุ่งเน้นแค่เรื่องของการช่วงชิงอำนาจ การได้มาซึ่งอำนาจ และการใช้อำนาจ แต่เป็น “การเมืองภาคประชาชน” ว่าด้วย “การกำหนดและสร้างอนาคตร่วมกันของคนทั้งชาติ” อย่างแท้จริง

หน้าแรก » การเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง