วันศุกร์ ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2568 03:59 น.

การเมือง

สว.สำรองชี้ ปชน. ทำ MOA กับ ภท. หากโหวตได้นายกฯจริง เสี่ยงโดนยุบพรรค-ผิดจริยธรรมร้ายแรง พร้อมคดีตามมาอีกเพียบ

วันพฤหัสบดี ที่ 04 กันยายน พ.ศ. 2568, 21.53 น.

วันที่ 4 ก.ย. 2568 ดร.ณพลเดช มณีลังกา นักกฎหมายมหาชน และ สว. สำรอง กลุ่ม 16 จังหวัดเชียงราย แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อตกลงร่วม (MOA) ระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย เพื่อเป็นเงื่อนไขในการสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลและการเลือกนายกรัฐมนตรี ข้อตกลงดังกล่าวแม้จะมีลักษณะเป็นสัญญาใจทางการเมือง แต่ก็อาจเชื่อมโยงตามหลักกฎหมายสัญญา (Contract Law) และมีผลผูกพันทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ เนื้อหาและข้อผูกพันที่กำหนดขึ้นอาจนำไปสู่ความเสี่ยงในการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) และข้อบังคับของพรรคการเมืองทั้งสองพรรคเอง ดังนี้ ครับ

1. การกำหนดเงื่อนไขยุบสภาภายใน 4 เดือน
การกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนให้นายกรัฐมนตรียุบสภาหลังแถลงนโยบาย อาจถูกตีความว่าเป็นการก้าวล่วงอำนาจบริหารของนายกรัฐมนตรี ซึ่งอำนาจในการเสนอยุบสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 103 เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ที่ทรงใช้ตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรีเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ โดยพิจารณาจากสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนั้น การทำข้อตกลงล่วงหน้าเพื่อบังคับให้ใช้อำนาจนี้จึงอาจขัดต่อหลักการดังกล่าว นอกจากนี้ยังอาจขัดต่อมาตรา 114 ของรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิบัติหน้าที่โดยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมายหรือการครอบงำใดๆ การที่ สส. ของทั้งสองพรรคต้องลงมติตามข้อตกลงนี้อาจถือเป็นการตกอยู่ภายใต้ความผูกมัดที่ไม่ใช่ประโยชน์ของปวงชนชาวไทย

2. การประกาศว่าพรรคประชาชนจะเป็นฝ่ายค้านต่อไป
การที่พรรคประชาชนตกลงจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นการจำกัดบทบาทของตนเองไว้ล่วงหน้า อาจทำให้พรรคไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการเป็นตัวแทนเพื่อบริหารประเทศได้อย่างเต็มศักยภาพ ที่สำคัญ การทำข้อตกลงนี้กับพรรคภูมิใจไทยอาจเข้าข่ายเป็นการยอมให้บุคคลภายนอกเข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรค ซึ่งอาจขัดต่อ พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 28 ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมให้บุคคลอื่นเข้ามาครอบงำ ชี้นำ หรือควบคุมจนทำให้พรรคขาดความเป็นอิสระ และเป็นเหตุที่อาจนำไปสู่การยุบพรรคตามมาตรา 92 (1) ฐานล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

3. การกำหนดเงื่อนไขแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยตั้ง สสร.
การนำประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาเป็นเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาล อาจเข้าข่ายเป็นการก้าวล่วงอำนาจของรัฐสภาซึ่งมีหน้าที่และอำนาจโดยตรงในการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 ของรัฐธรรมนูญ การสร้างข้อผูกมัดทางการเมืองนอกสภาเพื่อบีบให้กระบวนการนิติบัญญัติต้องเป็นไปตามข้อตกลงถือเป็นการแทรกแซงอำนาจนิติบัญญัติ และอาจขัดต่อข้อบังคับพรรคภูมิใจไทย ข้อ 8 (4) ที่กำหนดให้พรรคดำเนินการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญภายใต้เงื่อนไขทางการเมืองอาจถูกมองว่าไม่สร้างสรรค์และสร้างความขัดแย้งได้ นอกจากนี้ หากมีการใช้อำนาจรัฐเพื่อผลักดันวาระตามข้อตกลงนี้ ก็อาจเสี่ยงต่อการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 128 และการใช้ทรัพยากรของรัฐเพื่อผลักดันเงื่อนไขดังกล่าว อาจเข้าข่ายการละเมิดมาตรา 28 ของ พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่กำหนดให้พรรคการเมืองต้องดำเนินกิจกรรมเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

4. ลักษณะข้อตกลงที่อาจเข้าข่ายการแบ่งผลประโยชน์
แม้ข้อตกลงจะไม่มีลักษณะเป็นการแบ่งตำแหน่งรัฐมนตรีโดยตรง แต่การที่พรรคหนึ่งได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแลกกับการที่อีกพรรคหนึ่งได้หลักประกันในการผลักดันนโยบายสำคัญ เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจถูกมองว่าเป็นการตกลงเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของข้อบังคับพรรคที่มุ่งเน้นประโยชน์สาธารณะเป็นหลัก

5. ประเด็นความน่าเชื่อถือและจริยธรรมของพรรคภูมิใจไทย
การที่พรรคประชาชนทำข้อตกลงกับพรรคภูมิใจไทยซึ่งมีผู้บริหารพรรคหลายรายพัวพันกับคดีความต่างๆ อาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือและขัดต่อหลักการของพรรคประชาชนเอง โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจรัฐและการจัดการทรัพย์สินสาธารณะ เช่น กรณีที่ดินเขากระโดง ที่ดินสนามกอล์ฟเขาใหญ่ หรือการฮั้ว สว. อาจส่งผลต่อการละเมิดมาตรฐานทางจริยธรรมตามมาตรา 219 ซึ่งใช้บังคับกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและพรรคการเมือง ครอบคลุมประเด็นการยึดถือประโยชน์ส่วนรวมเหนือประโยชน์ส่วนตน การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และการไม่กระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ การทำข้อตกลงที่มีลักษณะผูกมัดอนาคตและอาจแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการเมืองจึงสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

หน้าแรก » การเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง