วันศุกร์ ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2568 04:07 น.

การเมือง

วิเคราะห์แนวคิดแก้วิกฤติคณะสงฆ์ไทยของ "บวรศักดิ์ อุวรรณโณ" รองนายกฯ ดูสำนักพุทธฯ

วันพฤหัสบดี ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2568, 10.20 น.

พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทยและเป็นรากฐานทางจิตวิญญาณและวัฒนธรรมของสังคมไทยมายาวนาน อย่างไรก็ตาม ปัญหาวิกฤติของคณะสงฆ์ไทยในปัจจุบัน เช่น กรณีการประพฤติผิดพระวินัยของพระภิกษุบางรูป การบริหารจัดการทรัพย์สินวัดที่ขาดความโปร่งใส รวมถึงความอ่อนแอของกลไกตรวจสอบ ล้วนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของพุทธบริษัทและเสถียรภาพของพระพุทธศาสนาโดยรวม

การแต่งตั้ง ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นรองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยตรงตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 เป็นพัฒนาการสำคัญที่สะท้อนการมุ่งปฏิรูปและสร้างระบบกำกับดูแลพระพุทธศาสนาใหม่ในเชิงโครงสร้างและกฎหมาย บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์แนวคิดของบวรศักดิ์ในการแก้วิกฤติคณะสงฆ์ไทย ทั้งในมิติหลักการ เหตุผล และความเป็นไปได้ในการนำนโยบายไปปฏิบัติ

กรอบแนวคิด
แนวคิดของบวรศักดิ์ตั้งอยู่บนฐานของ “ไตรสดมภ์” ได้แก่ พุทธบริษัท พระศาสนา และอาณาจักร ที่ต้องประสานความร่วมมือกันเพื่อปกป้องและธำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา แนวคิดดังกล่าวสะท้อนการมองพระศาสนาไม่ใช่เพียงสถาบันทางจิตวิญญาณ แต่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมการเมืองที่ต้องการระบบตรวจสอบและการกำกับดูแลที่โปร่งใสและทันสมัย

การวิเคราะห์แนวคิดหลัก
การจัดตั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการประพฤติมิชอบในพระศาสนา

แนวคิดนี้สะท้อนการสร้างกลไกตรวจสอบคู่ขนานที่ขึ้นตรงต่อสมเด็จพระสังฆราช โดยทำหน้าที่รับร้องเรียน สอบสวน และส่งต่อคดีตามระบบกฎหมายและพระธรรมวินัย

เป็นความพยายามลดปัญหาภิกษุอลัชชี และเสริมสร้างศรัทธาของประชาชนต่อระบบการปกครองสงฆ์

อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้จำเป็นต้องพิจารณาความสมดุลระหว่างอำนาจของฝ่ายอาณาจักรและความเป็นอิสระของคณะสงฆ์

การปฏิรูปกระบวนการบวช
การแยกบวชตามประเพณีกับการบวชเพื่อดำรงสมณเพศถาวร แสดงถึงการยกระดับมาตรฐานคัดกรองผู้เข้าสู่เพศบรรพชิต

การนำระบบผ้าขาวถือศีล 8 ก่อนบวชเป็นมาตรการที่สอดคล้องกับหลักพระวินัย และสถาบันสงฆ์ที่เคร่งครัดได้ปฏิบัติอยู่แล้ว

แต่การบังคับใช้ในวงกว้างต้องอาศัยการปรับตัวของวัดทั่วไป และอาจพบแรงต้านจากบางฝ่าย

สถานะของพระภิกษุในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ

บวรศักดิ์เสนอให้เจ้าอาวาสและผู้ดำรงตำแหน่งปกครองสงฆ์ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต รวมทั้งแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.

แนวคิดนี้สะท้อนหลักการธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในการบริหารทรัพย์สินวัด

อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้อาจก่อให้เกิดข้อถกเถียงทางรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์เกี่ยวกับเสรีภาพทางศาสนา และความเป็นอิสระของศาสนจักร

การบริหารจัดการทรัพย์สินวัด
การแยกบัญชีวัดออกจากบัญชีส่วนตัวพระภิกษุ และการตรวจสอบโดย สตง. เป็นมาตรการที่ช่วยเพิ่มความโปร่งใส

การกำหนดให้ใบอนุโมทนาใช้ได้เฉพาะกรณีบริจาคเข้าวัดโดยตรง ยังเป็นแนวทางที่ลดการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนของพระภิกษุ

มาตรการนี้มีความสอดคล้องกับหลักการบริหารจัดการสมัยใหม่ และเพิ่มความเชื่อมั่นของสังคม

วิพากษ์และข้อท้าทาย
แม้แนวคิดของบวรศักดิ์จะมุ่งสร้างกลไกป้องกันและแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง แต่ยังเผชิญข้อท้าทายหลายประการ ได้แก่

การยอมรับของคณะสงฆ์ในฐานะสถาบันอิสระทางศาสนา

ความเป็นไปได้ในการแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ เช่น พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ร.บ.ป.ป.ช. และกฎหมายการเงินการคลัง

การปฏิบัติจริงที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากพุทธบริษัททั้ง 4 และองค์กรรัฐ

ความเสี่ยงในการตีความว่าเป็นการแทรกแซงทางการเมืองต่อคณะสงฆ์

ดังนั้น แนวคิดของ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ในการแก้วิกฤติคณะสงฆ์ไทยถือเป็นข้อเสนอเชิงโครงสร้างที่ครอบคลุมทั้งมิติการตรวจสอบพระภิกษุ การคัดกรองผู้เข้าสู่สมณเพศ และการบริหารจัดการทรัพย์สินวัด โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูศรัทธาของประชาชนและทำให้พระศาสนาเป็นหลักทางจิตวิญญาณที่มั่นคงและยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จขึ้นอยู่กับการสร้างสมดุลระหว่างการปฏิรูปทางกฎหมายกับการธำรงไว้ซึ่งเอกภาพและความศรัทธาของคณะสงฆ์

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง