วันพุธ ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2568 04:06 น.

การเมือง

“อนุทิน” เปิดบ้านรับกลุ่มเอกนัฏ–บ้านใหญ่โคราช–อดีตเพื่อไทย ร่วมทีม “ภูมิใจไทย” ชูพรรคแห่งความร่วมมือเพื่อประชาชน

วันอังคาร ที่ 07 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 16.33 น.

“อนุทิน” หน้าบานต้อนรับ “เอกนัฏ–จุติ” พร้อม ส.ส.รทสช. ย้ายร่วมค่ายภูมิใจไทย ยอมรับ “ถูกเรียกพรรคภูมิใจดูด” หากดูด ส.ส.ดีถือว่าภูมิใจ อ้าแขนรับสมาชิกใหม่จากเพื่อไทย–บ้านใหญ่รัตนเศรษฐ์ ตั้งเป้าพรรคอันดับหนึ่ง เล็งยุบสภาต้นปีหน้า ลั่นพร้อมถูกซักฟอก ยันทำงานโปร่งใส เยียวยาน้ำท่วม–ชายแดน–คนละครึ่งพลัสครบ  

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568    เวลา 13.30 น.   ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ให้การต้อนรับบรรดานักการเมืองจากหลายพรรคที่ทยอยเข้ามาแสดงเจตจำนงร่วมงานกับพรรคอย่างคึกคัก

โดยช่วงบ่าย นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค รวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการพรรค และกลุ่ม ส.ส.ร่วมอุดมการณ์ อาทิ นายอัครเดช วงพิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายอนุชา บูรพชัยศรี เดินทางเข้าพบเพื่อแสดงเจตจำนงเข้าร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย แม้ยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ เนื่องจากบางรายยังดำรงตำแหน่ง ส.ส.อยู่

ทันทีที่ได้พบ นายอนุทินกล่าวทักทายเป็นภาษาอังกฤษว่า “Can I say welcome all?” พร้อมเชิญทั้งหมดขึ้นพูดคุยบนห้องประชุมพรรค ท่ามกลางบรรยากาศเป็นกันเอง ก่อนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า “ถือเป็นเรื่องดี เรามีสัญญาต่อกันว่าจะเข้ามาทำงานการเมืองร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ผมก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”

นายอนุทินกล่าวต่อว่า พรรคภูมิใจไทยเปิดประตูต้อนรับทุกคนที่มีศักยภาพและตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน พร้อมย้ำว่า “เราเป็นพรรคการเมืองที่ไม่ปิดกั้น ใครมีความสามารถอยากรับใช้บ้านเมือง เรายินดีต้อนรับเสมอ”

เมื่อถูกถามถึงเป้าหมายจำนวน ส.ส. ในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายอนุทินตอบว่า “อย่าเพิ่งพูดตัวเลข ขอแค่ทำให้ดีที่สุด เลือกคนที่มีผลงานและเข้าใจประชาชน ใครดีที่สุดเราต้องส่งคนนั้น” พร้อมยอมรับคำวิจารณ์ที่ถูกเรียกว่า “พรรคภูมิใจดูด” โดยกล่าวอย่างมีอารมณ์ขันว่า “ถ้าดูดได้ ส.ส.ดี ๆ เข้ามารับใช้ประชาชน ผมก็ภูมิใจ ถูกต้องแล้วครับ”

ต่อมาเวลา 14.25 น. บรรดานักการเมืองจากพรรคเพื่อไทยและกลุ่มบ้านใหญ่รัตนเศรษฐ์ก็เดินทางเข้ามาร่วมสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยอย่างต่อเนื่อง อาทิ นายพงศกร อรรณนพพร อดีต ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย, 2 พี่น้องตระกูลรัตนเศรษฐ์ และนายอัครวัฒน์ กุลเฉลิมพัฒน์ รองประธาน อบจ.นครราชสีมา โดยนายอนุทินได้ตรวจใบสมัคร ลงชื่อรับสมัครสมาชิก และมอบเสื้อแจ็กเก็ตพรรคให้ด้วยตัวเอง ขณะที่นายโกศล ปัทมะ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ก็เดินทางมาแสดงเจตจำนงร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า

นายอนุทินกล่าวว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนว่าการเมืองเริ่มเข้าสู่โหมดเตรียมเลือกตั้ง โดยคาดว่าการยุบสภาจะเกิดขึ้นภายใน 4 เดือนหลังวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา และทุกพรรคต้องเตรียมพร้อมรับมือการเลือกตั้งต้นปีหน้า

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสครอบครัวรัตนเศรษฐ์ย้ายพรรค นายอนุทินกล่าวว่า “เรารู้จักกันมานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ เป็นพี่น้องกันทั้งครอบครัว ผมเคารพและนับถือกันมายาวนาน” พร้อมยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่ “ทำงานให้เห็นผลจริง” และเน้นการส่งผู้แทนที่เข้าใจพื้นที่ ใกล้ชิดประชาชน

“เรามีพรรคที่บริหารโดยคนรุ่นใหม่ ใช้เทคโนโลยีมาช่วยทำงาน แต่ยังคงให้ความสำคัญกับผู้แทนที่รู้จักพื้นที่ดี เราไม่มีข้อจำกัดในการรับสมาชิกใหม่ ยกเว้นคนที่เข้ามาหาประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น” นายอนุทินกล่าว

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยยังกล่าวอีกว่า พรรคเล็งผลเลิศตั้งเป้าเป็นพรรคอันดับหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยจะเดินหน้านำเสนอนโยบายให้ประชาชนมั่นใจว่า “พรรคภูมิใจไทยคือพรรคที่ทำงานได้จริง” พร้อมเผยว่ามีนักการเมืองหลายคนทักทายและแสดงความสนใจจะย้ายมาร่วมพรรค “หลายท่านบอกว่าเที่ยวหน้าจะมาอยู่ด้วย ชอบนโยบายของพรรค ซึ่งผมก็ยินดีต้อนรับเสมอ”

เมื่อถามถึงการเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยที่เปิดแคมเปญ “ยกเครื่องใหม่” นายอนุทินมองว่าเป็นเรื่องดีที่ทุกพรรคตื่นตัว “เป็นการแข่งขันเชิงนโยบาย เพื่อประโยชน์ของประชาชน ไม่มีอะไรเป็นของตาย เราต้องคิดวิธีทำให้ดีกว่าพรรคอื่น” พร้อมกล่าวถึง “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า “ท่านก็เป็นคนเก่ง ทำงานหนัก ถือเป็นเรื่องดีต่อระบบประชาธิปไตย”

ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทยเตรียมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายอนุทินยืนยันว่า “พร้อมให้ตรวจสอบทุกเวลา” โดยระบุว่า รัฐบาลทำงานอย่างโปร่งใส และขณะนี้ได้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะชายแดน การช่วยเหลือครัวเรือนที่ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ 9,000 บาท และโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่จะเปิดให้ประชาชนใช้จ่ายได้ภายในสิ้นเดือนนี้

“เราทำทุกอย่างอย่างเปิดเผย เงินเยียวยาก็โอนถึงมือประชาชนแล้ว ถ้ายังมีคนไม่ไว้วางใจ เราก็พร้อมให้ตรวจสอบได้เลย” นายอนุทินกล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม
 

หน้าแรก » การเมือง