วันจันทร์ ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2568 04:40 น.

การเมือง

“เพื่อไทย” ห่วงรัฐธรรมนูญใหม่ติดล็อก “สสร.จัดตั้ง” ขาดความยึดโยงประชาชน ย้ำพร้อมรับทุกแนวทางแต่ขอใช้ร่างพรรคเป็นหลัก

วันอาทิตย์ ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 11.14 น.

“เพื่อไทย” ห่วงรัฐธรรมนูญใหม่ติดล็อก “สสร.จัดตั้ง” ขาดความยึดโยงประชาชน ย้ำพร้อมรับทุกแนวทางแต่ขอใช้ร่างพรรคเป็นหลัก ลดเสี่ยงศาลตีความ จี้รัฐบาลสานต่อ “ยุคอิ๊งค์” เยียวยาน้ำท่วม 9,000 บาทถ้วนหน้า พร้อมเร่งสร้างบังเกอร์ชายแดนอีสาน ย้ำ “หัวใจคนเมืองกาญฯ ยังเป็นสีแดง” ส่ง “ณัฐวุฒิ” นำทีมดาวเด่นลงพื้นที่หนุน “พล.อ.ชินวัฒน์” ทวงเก้าอี้คืน 

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2568 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวถึงการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหมวด 15 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 14–15 ตุลาคมนี้ โดยระบุว่า ขณะนี้มีร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่จะเข้าสู่การพิจารณาในรัฐสภาทั้งหมด 3 ร่าง ได้แก่ ร่างของพรรคเพื่อไทย ร่างของพรรคประชาชน และร่างของพรรคภูมิใจไทย

พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า เพื่อให้กระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นไปอย่างราบรื่น เปิดทางให้มีการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พรรคพร้อมลงมติรับหลักการในวาระที่ 1 ทุกร่าง แต่ยังกังวลถึงเนื้อหารายละเอียดในบางประเด็น โดยเฉพาะในร่างของพรรคภูมิใจไทย ที่กำหนดให้ผู้เสนอตัวเป็น สสร. สามารถเข้าสู่การเลือกโดยรัฐสภาได้โดยตรงโดยไม่ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน ซึ่งอาจเปิดช่องให้เกิด “สสร.จัดตั้ง” ขาดความยึดโยงกับประชาชน และอาจเกิดการฮั้วกันในกระบวนการคัดเลือก

ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยยังเห็นจุดอ่อนในร่างของพรรคประชาชน แม้จะปรับโครงสร้างให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว แต่ยังอาจถูกหยิบยกไปตีความซ้ำจนทำให้กระบวนการล่าช้าได้

นายชนินทร์กล่าวว่า เพื่อความรอบคอบและลดความเสี่ยงในการถูกยื่นตีความ พรรคเพื่อไทยจะเสนอให้ใช้ร่างของพรรคเพื่อไทยเป็น “ร่างหลัก” ในการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ หากรัฐสภาลงมติรับหลักการทั้งสามร่าง เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญที่ยึดโยงกับประชาชนจริง และสามารถเดินหน้ากระบวนการได้โดยไม่สะดุด

สำหรับร่างของพรรคเพื่อไทย ออกแบบให้ สสร. มีทั้งหมด 151 คน แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่

สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมโดยประชาชนและรัฐสภา จำนวน 100 คน โดยประชาชนในแต่ละจังหวัดจะเลือกผู้เสนอตัวได้สามเท่าของจำนวน สสร. ที่พึงมี ก่อนที่รัฐสภาจะคัดเลือกอีกชั้นหนึ่ง เช่น กทม. มีโควตา 8 คน ก็จะเปิดให้เลือก 24 คน แล้วส่งให้รัฐสภาโหวตเลือกให้เหลือ 8 คนสุดท้าย

สสร. ที่รัฐสภาแต่งตั้งจากการเสนอขององค์กรต่าง ๆ อีก 51 คน เช่น สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา ศาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า สภาเกษตรกร สภาองค์กรผู้บริโภค สมาคมวิชาชีพด้านกฎหมาย รัฐศาสตร์ สื่อมวลชน และองค์กรสิทธิมนุษยชน

“พรรคเพื่อไทยเชื่อว่า แนวทางนี้เป็นจุดสมดุลที่เป็นไปได้จริงภายใต้ข้อจำกัดของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพราะทำให้ สสร. ยึดโยงกับประชาชนแต่ยังสอดคล้องกับกฎหมาย ไม่เปิดช่องให้เกิดการผูกขาดเสียงข้างมาก และไม่เอื้อต่อการฮั้วกันทางการเมือง” นายชนินทร์กล่าว พร้อมแสดงความหวังว่า หากดีลระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยยังคงอยู่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภาด้วย

เรียกร้องรัฐบาลสานต่อ “ยุคอิ๊งค์” เยียวยาน้ำท่วม 9,000 บาทเท่ากันทุกหลัง – เร่งสร้างบังเกอร์ชายแดน

นายชนินทร์ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคภูมิใจไทย เดินหน้ามาตรการเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมจากอิทธิพล “พายุบัวลอย” โดยจ่ายเงินช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000 บาทเท่ากันทั่วประเทศ ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เคยอนุมัติไว้เมื่อปี 2567

“พรรคเพื่อไทยสนับสนุนเต็มที่ต่อการปรับหลักเกณฑ์เยียวยาให้เป็น 9,000 บาททุกกรณี เพราะค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบ้านเรือนเพิ่มสูงขึ้น จึงต้องเร่งรัดอนุมัติและจ่ายเงินให้ประชาชนทันต่อสถานการณ์” นายชนินทร์กล่าว

เขายังกล่าวถึงงบกลาง 1,700 ล้านบาท ที่รัฐบาลชุดก่อนอนุมัติไว้เพื่อสร้างหลุมหลบภัยและเยียวยาผู้ประสบภัยใน 7 จังหวัดชายแดนไทย–กัมพูชา โดยระบุว่ามีบางพื้นที่ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการ และขอให้รัฐบาลใหม่เร่งรัดต่อเนื่อง อย่าปล่อยให้งบประมาณตกไปเพียงเพราะเป็นผลงานของรัฐบาลก่อน

“งบนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องความปลอดภัยของประชาชน ขอให้รัฐบาลดำเนินการโดยเร็ว เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับพี่น้องชายแดน” นายชนินทร์ย้ำ

“หัวใจคนเมืองกาญฯ ยังเป็นสีแดง” – ส่ง “ณัฐวุฒิ” นำทีมดาวเด่นช่วยหาเสียง

ในตอนท้าย นายชนินทร์ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 4 จังหวัดกาญจนบุรี แทนนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ที่ลาออกไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบัน โดยพรรคเพื่อไทยส่ง พล.อ.ดร.ชินวัฒน์ แม้นเดช อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 4 ลูกหลานชาวเมืองกาญจน์ ลงสมัครหมายเลข 2

พรรคได้จัดทีมแกนนำและ ส.ส.ดาวเด่น อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายอดิศร เพียงเกษ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ นายพนม โพธิ์แก้ว นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ และน.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา ลงพื้นที่ช่วยรณรงค์หาเสียงอย่างใกล้ชิด

“พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่า คนเมืองกาญจนบุรียังมีหัวใจสีแดง พร้อมส่งเสียงผ่านการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เพื่อยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับระบบการเมืองที่ผูกขาด และจะร่วมกันถ่วงดุลอำนาจของกลุ่มเครือข่ายสีน้ำเงิน ด้วยการเลือกพรรคเพื่อไทยกลับมาทำงานเพื่อประชาชนอีกครั้ง” นายชนินทร์กล่าวเชิญชวน

โดยการเลือกตั้งซ่อมดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 19 ตุลาคม 2568
 

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง