เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 เวลา 09.45 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา โดยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (แก้ไขเพิ่มเติม) 3 ฉบับ จาก พรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย โดยมีสาระสำคัญตรงกันคือ การแก้มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

พรรคประชาชน ชูประชาชนร่วมร่างมากที่สุด

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ชี้แจงหลักการว่า ร่างของพรรคมุ่งให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด โดยเสนอให้มีผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ 135 คน แบ่งเป็น
คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน มาจากการเลือกตั้งทางอ้อม
สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ 100 คน มาจากการเลือกตั้งในแต่ละจังหวัด

นายพริษฐ์ระบุว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 ไม่ตอบโจทย์ประเทศ ทำให้ประชาธิปไตยถดถอย รัฐบาลขาดเสถียรภาพ และการทุจริตตรวจสอบไม่ได้ พร้อมตั้งคำถามว่า

“เราจะติดอยู่กับกับดักรัฐธรรมนูญปี 60 ไปอีกนานแค่ไหน”

เขาย้ำว่า รัฐธรรมนูญใหม่ต้องผ่านประชามติ 2 ครั้ง จึงไม่อาจใช้ได้หากประชาชนไม่เห็นชอบ พร้อมเปรียบว่า

“รัฐธรรมนูญคืออากาศ ถ้าอากาศเป็นพิษ ทุกคนก็หายใจลำบาก ฉันใด ถ้ารัฐธรรมนูญเป็นพิษ การเมืองและเศรษฐกิจก็ไม่เติบโตฉันนั้น”

พรรคภูมิใจไทย เสนอร่างเข้าใจง่าย เดินหน้า “ปลดล็อกประชาธิปไตย”

นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย อภิปรายสนับสนุนร่างของพรรค โดยระบุว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 กำหนดเงื่อนไขการแก้ไขยากเกินไป จึงต้องเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อให้สามารถจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ได้

นายกรวีร์กล่าวว่า ร่างของพรรคภูมิใจไทยเสนอให้มี สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) 99 คน

มาจากทุกจังหวัด 77 คน
และผู้เชี่ยวชาญอีก 22 คน
พร้อมตั้ง คณะกรรมาธิการยกร่าง 45 คน เมื่อร่างเสร็จจะเข้าสู่การพิจารณาในรัฐสภาและทำประชามติ

เขาย้ำว่า พรรคภูมิใจไทย ยึดหลักไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 เพื่อป้องกันความขัดแย้ง และให้ร่างของพรรคเป็น “ร่างหลัก” เพราะมีความเข้าใจง่าย ทำได้จริง และไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

“เราอยากเห็นกติกาใหม่ที่ยุติความขัดแย้งในสังคม และเป็นกุญแจปลดล็อกประชาธิปไตยไทย”

พรรคเพื่อไทย เสนอโมเดล ส.ส.ร. 151 คน

นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ชี้แจงว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นผลจากรัฐประหาร แม้จะอ้างว่า “ปราบโกง” แต่กลับมีการตีความใช้กฎหมายเพื่อกำจัดฝ่ายการเมือง ร่างของพรรคเพื่อไทยเสนอให้มีผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ 151 คน
จากการเลือกตั้งจังหวัด 100 คน
จากการเสนอชื่อของสภาผู้แทนราษฎรและคณะรัฐมนตรี 51 คน
โดยมีคณะกรรมาธิการยกร่าง 27 คน และยืนยันชัดเจนว่า

“พรรคเพื่อไทยไม่มีเจตนาแก้หมวด 1 และหมวด 2”

พรรคประชาธิปัตย์ หนุนแก้รัฐธรรมนูญแต่ย้ำ “ห้ามแตะหมวด 1-2”

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ความพยายามแก้รัฐธรรมนูญล้มเหลวเพราะเงื่อนไขที่ซับซ้อน ต้องใช้เสียงเห็นชอบทั้งจากฝ่ายค้านและวุฒิสภา

เขายืนยันจุดยืนว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมสนับสนุนร่างที่เปิดทางให้จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ต้องไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 พร้อมเสนอ 4 เงื่อนไขสำคัญคือ

สนับสนุนการตั้ง ส.ส.ร.
ใช้ร่างที่ไม่แตะหมวด 1-2 เป็นหลัก
ต้องไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญใหม่ต้องส่งเสริมคนดีให้ปกครองบ้านเมือง

บรรยากาศโดยรวม
การประชุมรัฐสภาครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการ “ปลดล็อกประชาธิปไตยไทย” หลังจากทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านเห็นพ้องว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประชาชนมีส่วนร่วมจริง

นายกรวีร์กล่าวทิ้งท้ายว่า  “วันนี้ 14 ตุลาคม วันประชาธิปไตยของไทย ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่เรากำลังร่วมกันปลดล็อกประเทศไทย”