วันพฤหัสบดี ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2568 03:28 น.

การเมือง

“วรภัค” รมช.คลัง ประกาศลาออก ไม่ให้เป็นภาระรัฐบาล ยืนยันไม่เกี่ยวข้องสแกมเมอร์กัมพูชา

วันพุธ ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 14.33 น.

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568   เวลา 14.00 น.  ที่กระทรวงการคลัง นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ตั้งโต๊ะแถลงข่าว กรณีมีรายชื่อเชื่อมโยงเป็น 1 ใน 7 นักการเมืองเอี่ยวสแกมเมอร์ในกัมพูชาว่า ถูกบิดเบือนใส่ร้ายป้ายสี โดยเล่าย้อนว่าตนมีประสบการณ์แวดวงการเงิน การธนาคารกว่า 30 ปี มีโอกาสและความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในสถาบันการเงินชั้นนำ ทั้งต่างประเทศและไทย ก่อนที่จะได้รับเชิญให้มาเป็นที่ปรึกษาการคลัง 

หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ตนได้รับเกียรติให้เข้ารับตำแหน่ง รมช.คลัง รับใช้ประเทศชาติ ทั้งที่ส่วนตัวไม่เคยมีความทะเยอทะยานทางการเมือง เพียงอยากใช้ความรู้ ประสบการณ์การทำงาน ให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติเท่าที่ทำได้ 

ตนขอชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีมีกลุ่มบุคคลพยายามเชื่อมโยงชื่อของตนเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ในกัมพูชา ยืนยัน ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลวงต้มตุ๋น หรือธุรกิจผิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะกัมพูชาหรือที่ไหนในโลกเลย มีความพยาพยามโยง B.I.C กรุ๊ป และบีไอซีแบงก์กัมพูชา ไปเกี่ยวข้องกับขบวนการต้มตุ๋น ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรไม่อาจทราบได้ ต้องให้กระบวนการยุติธรรมตรวจสอบหาข้อเท็จจริง
 
ตนไม่สนับสนุนการทำธุรกรรมผิดกฎหมายใด ๆ และจะไม่ปกป้องใครที่ทำผิดกฎหมายในประเทศไทยทั้งสิ้น
 
กรณี นายยิม เลียก ประธานบริหารบีไอซีแบงก์ ซึ่งเป็นที่ถูกพาดพิงในข่าว ยืนยัน ตนไม่เคยได้รับตำแหน่งกรรมการบริหาร หรือที่ปรึกษาของบีไอซีแบงก์ ไม่เคยรับเงินหรือผลตอบแทนใด ๆ และไม่ทราบมาก่อนว่ามีชื่อเป็นที่ปรึกษาอยู่บนเว็บไซต์ของบีไอซีกรุ๊ป  และกรณี เบน สมิธ รู้จักในฐานะผู้ปกครอง เพราะลูกเรียนโรงเรียนเดียวกัน
 
ในช่วงท้ายของการแถลง นายวรภัค กล่าวว่า ตนไตร่ตรองอยู่นาน ตัดสินใจลาออกจาก รมช.คลัง เพื่อไม่ให้เรื่องส่วนบุคคล เป็นภาระต่อรัฐบาลการตัดสินใจครั้งนี้ เพื่อยืนหยัดหลักความโปร่งใสและรักษาความเป็นอิสระของรัฐบาลในการบริหารประเทศ ให้ปราศจากข้อกล่าวหา และไม่เปิดช่องให้ฝ่ายใด นำเรื่องส่วนตัวของผมมาเป็นอุปสรรคต่อภารกิจของรัฐบาล

นายวรภัค โพสต์เฟซบุ๊กก่อนแถลงข้อมูลในช่วงบ่ายที่กระทรวงการคลัง เกี่ยวกับกรณีที่โดนกล่าวหาว่าพัวพันกับกลุ่มสแกมเมอร์โดยเนื้อหาเฟซบุ๊กนั้นระบุว่า รัฐบาลนี้มีเวลาในการทำงานน้อยมากครับแต่เราพยายามทุ่มเทกันเต็มที่เมื่อวานนี้ นโยบายที่เกี่ยวข้องกับ สาหลักแรกที่ ที่มีสี่หมุดหมายหลักตามที่ แถลงในนโยบายเศรษฐกิจต่อรัฐสภา ได้รับการอนุมัติจาก ครม เรียบร้อยแล้ว เสาหลักที่เหลือกำลังตามมาเป็นรายอาทิตย์ครับ

อาทิตย์ที่แล้วผมก็ไปประชุมงานประจำปีของธนาคาร  World Bank IMF ที่กรุงวอชิงตันดีซีมา แต่ละวันมีประชุมทั้งพหุภาคีและทวิภาคีเต็มตลอดวัน และที่สำคัญต้องหารือเตรียมงานที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมงานประจำปีของ World Bank IMF ซึ่งเป็นงานใหญ่ยักษ์ในเดือนตุลาคมของปี 2569

ผมพึ่งเดินทางกลับมาจากสหรัฐ เมื่อวันอาทิตย์นี้ ใช้เวลาส่วนใหญ่ขับเคลื่อนผลักดันเรื่องงานเป็นหลักครับเลยทำให้การชี้แจงข้อเท็จจริงส่วนตัวล่าช้าไปหน่อยในเรื่องที่มีขบวนการถ่วงความเจริญของประเทศชาติพยายามดิสเครดิตรัฐบาลโดย ใส่ร้ายป้ายสีว่าผมอยู่ในกระบวนการ scammers ข้ามชาติ ล่าสุดมาพาดพิงถึงภรรยากล่าวหาว่ารับสินบนเป็นคริปโตซึ่งภรรยาผมยังไม่เคยเกี่ยวข้องอะไรใดใดไม่เคยมีบัญชีคริปโตใดใดทั้งสิ้น

วันนี้หลังจาก ช่วยกับท่านเอกนิติขับเคลื่อนผลักดันนโยบายในเสาหลักแรกผ่านการอนุมัติของ ครม เรียบร้อยแล้วบ่ายนี้ผมจะมีการแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงที่กระทรวงการคลังครับทีมโฆษกกระทรวงได้นัดหมายนักข่าวไว้เรียบร้อยแล้ว  และจะเริ่มดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการใส่ร้ายป้ายสีบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่

น่าเสียดายที่บางคนเป็นนักวิชาการอิสระที่ผมเคยชื่นชมแต่ในปัจจุบันมีอคติในทางการเมือง

และพยายามจะเขียนข่าวแบบเอามัน เลยมองภาพทุกอย่างแบบมีอคติ ผมพยายามแผ่เมตตาให้แล้วแต่ยังไม่ค่อยเป็นผล คงต้องสวดบทพาหุงมหากาคือบทปราบมารของพระพุทธเจ้าเสริม

อย่างไรก็ตามเพื่อนเพื่อนพี่พี่น้องน้องทุกท่านที่เคยร่วมงานกับผมในทุกองค์กรน่าจะยืนยันได้ว่าผมเป็นคนอย่างไร ทำงานอย่างไร ถึงแม้ผมเกษียณจากงานประจำมาหลายปีแล้ววันนี้ไปที่ไหนเจอลูกน้องเก่าลูกค้าเก่าเก่าไม่มีใครเมินหน้าเดินหนี ทุกคนยังเข้ามาทักทาย โอภาปราสัยเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมามีกัลยาณมิตรหลายวงการส่งข้อความมาให้กำลังใจผมทั้งเพื่อนเพื่อนพี่พี่น้องน้องในวงการการเงินการธนาคารรวมทั้งน้องน้องนักข่าวที่รู้จักผมดีอีกหลายหลายคน

สุดท้ายนี้ผมต้องขอขอบคุณ ผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ทีมงานสาขาธนาคารกรุงไทยและทีมงานสายเทคโนโลยีของธนาคารกรุงไทยทุกท่านที่ทุ่มเทสุดตัวในการช่วยรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ให้ติดลมจากนโยบายโครงการคนละครึ่งพลัส  ผมติดตามข่าวในรายละเอียดและทราบว่าทุกสาขาทำงานกันหนักมากๆๆๆ เนื่องจากโครงการคนละครึ่งครั้งสุดท้ายจบไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2565 ในช่วงสามปีที่ผ่านมาผู้มีสิทธิ์หลายท่านมีการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือถึง 460,000 เลขหมายและมีอีกหลายท่านที่จำรหัสไม่ได้อีกประมาณ 450,000 ราย ซึ่งอย่างน้อยผู้มีสิทธิ์เหล่านี้ต้องไปติดต่อขอความช่วยเหลือเพื่อยืนยันตัวตนจากสาขาธนาคารกรุงไทยซึ่งทั่วประเทศมีเพียง 980 สาขานั่นเท่ากับแต่ละสาขาต้องรองรับปริมาณผู้มายืนยันตัวตนถึง 900 คนต่อหนึ่งสาขา
 

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง