เมื่อวันที่ 10  ธันวาคม 2568  นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ล่าสุด ว่า ทางกองทัพจะแถลงรายละเอียด จึงขอให้ประชาชนรับฟังข้อมูลจากโฆษกกองทัพ และหน่วยงานความมั่นคงเป็นหลัก ซึ่งจะแถลงทุกวันอยู่แล้ว ขออย่าฟังข่าวจากแหล่งอื่น ให้ฟังจากแหล่งเดียวจะได้มีความชัดเจน และถูกต้อง ขณะเดียวกัน ยังไม่มีการติดต่อจากที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีของกัมพูชาอย่างเป็นทางการ และตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดคุยกัน

ส่วนสถานการณ์ในขณะนี้จำเป็นที่จะต้องเปิดหารือในสภา ตามมาตรา 165 ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการร้องขอ และกองทัพยังยืนยันว่าควบคุมสถานการณ์ได้ มีเพียงมาบอก ว่า ขอให้รัฐบาลให้การสนับสนุนการดำเนินการ และปล่อยให้วิธีการดำเนินการเป็นไปตามการวางกลยุทธ์ของกองทัพ

ส่วนการหยิบยก MOU 2543-2544 ขณะนี้ควรหยิบมาพิจารณาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้มีหลายเรื่อง แต่ขอให้วันนี้เอาเรื่องของรัฐธรรมนูญก่อน พร้อมยืนยันว่า จะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ผ่านวาระ 3 เพื่อให้เป็นไปตาม MOA ที่ได้ทำไว้

ขณะที่กระแสการยุบสภาในช่วงนี้ จะกระทบความมั่นคงตามแนวชายแดนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน การปกป้องอธิปไตยเป็นภารกิจหลักของฝ่ายความมั่นคง

ส่วนที่มีข่าวว่ากัมพูชาโจมตีโรงพยาบาลพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ จะมีการประณามอะไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอรับรายงานที่แน่นอนและชัดเจนก่อน พร้อมย้ำว่า ขณะนี้จะไม่มีการนำเรื่องดังกล่าวไปสู่โต๊ะเจรจา

นายกรัฐมนตรี ยังปฏิเสธถึงกระแสข่าวการเรียกแกนนำพรรคภูมิใจไทยมาพูดคุยเรื่องการยุบสภา ตนเองอยู่ที่นี่จะมีเรื่องนี้ได้อย่างไร ซึ่งการดำเนินการยุบสภาถือเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี โดยต้องดูสถานการณ์ และความเหมาะสม พร้อมพยักหน้ารับ หลังผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการเตรียมความพร้อมร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาแล้วใช่หรือไม่

ขณะที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่นายกรัฐมนตรีไปเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. ของพรรคช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ นายอนุทิน ระบุว่า เมื่อวานนี้มีประชุมพรรคภูมิใจไทย ซึ่งประชุมกันทุกวันอังคาร เนื่องจากวันพุธจะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร จึงต้องประชุมท่าที ทิศทางการลงมติ การแบ่งความรับผิดชอบ และทำการบ้านให้เรียบร้อย ตนเองจึงต้องไปอยู่ที่พรรคภูมิใจไทย ดังนั้น ขออย่าจับผิดเรื่องเล็กน้อย เพราะคนว่างงานชอบทำแบบนี้ และคิดว่าวิธีทำการเมืองแบบนี้ไม่เป็นไปในทางสร้างสรรค์ แต่ละคนออกมาพูดเหมือนคนที่ยังทำใจไม่ได้หลังหลุดจากตำแหน่งไป