วันศุกร์ ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2568 04:46 น.

การเมือง

"ภท." หนุน สว. เพิ่มเกณฑ์ 1 ใน 3 โหวตรธน.ใหม่ผ่านฉลุย "เท้ง" จี้ "อนุทิน" ยุบสภา 

วันพฤหัสบดี ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 20.15 น.

เมื่อวันที่ 11  ธันวาคม 2568  ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมรัฐสภา สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ ได้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ.. ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาแล้วเสร็จ ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยที่ประชุมได้พิจารณาต่อเนื่องถึง มาตรา 256/28 ว่าด้วยเกณฑ์การออกเสียงลงคะแนนเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญที่กรรมาธิการ (กมธ.) ร่างรัฐธรรมนูญดำเนินการแล้วเสร็จ โดยกำหนดให้ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ทั้งนี้พบว่า กมธ.เสียงข้างน้อย ซึ่งเป็นฝั่งของสว. เสนอให้เพิ่มเกณฑ์เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยต้องมีเสียงสว.ร่วมลงมติ ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการอภิปรายช่วงหนึ่งเป็นไปอย่างวุ่นวาย เนื่องจากนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายไม่เห็นด้วยต่อการบัญญัติเกณฑ์ให้ใช้เสียง สว. ร่วมเห็นชอบรัฐธรรมนูญใหม่ จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3

"การตรวจสอบถ่วงดุลที่ได้สัดส่วน การที่สว.ระบุทำหน้าที่เป็นเบรก ขอถามว่า เคยนั่งรถที่ขับไปเหยียบเบรกไป จนคนโดยสารอ้วกแตกไม่ถึงที่หมาย จะเบรกอะไรนักหนา สว.บางคนดึงเบรกมือ รถก็หมุนคว่ำ รถยนต์ประเทศไทยจะไปสู่จุดหมายได้อย่างไร ส่วนที่น.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ สว.อภิปรายว่า รังเกียจนักการเมือง ลืมไปแล้วหรือว่า สว.ก็เป็นนักการเมืองเหมือนกัน" นายวิโรจน์ อภิปราย ทำให้น.ส.รัชนีกร ลุกขึ้นประท้วงเพราะเอ่ยถึงชื่อโดยไม่จำเป็น ซึ่งบรรยากาศช่วงดังกล่าวเป็นไปอย่างวุ่นวาย มีการประท้วงไปมา และประท้วงนายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ที่ไม่กำกับการประชุมให้เป็นไปตามข้อบังคับ

ทั้งนี้นายมงคล ได้ร้องขอให้ทุกฝ่ายยุติการประท้วง และนั่งลงเพื่อให้การประชุมเดินต่อไปได้ แต่พบว่าฝ่ายที่โต้เถียงไม่มีใครยอมใคร จนนายมงคลไม่สามารถควบคุมการประชุมได้ แม้จะกดปิดไมโครโฟนของสมาชิก แต่พบว่าช่วงหนึ่งนายมงคลได้กดปิดไมโครโฟนของตัวเองขณะที่กำลังวินิจฉัย ทำให้การควบคุมประชุมไม่ราบรื่น แต่ท้ายสุดนายมงคลได้ตัดบท ให้การอภิปรายได้ดำเนินการต่อไป

จากนั้นนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ฐานะกมธ. อภิปรายเตือนสติและฝากไปยัง สส.ฝ่ายค้านและ สว. ทั้งนี้จากการฟังการอภิปรายขอสว. ไม่มั่นใจต่อเป้าหมายใหญ่ที่สู่การแก้รัฐธรรมนูญเปิดทางได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทั้งนี้ข้อตกลงของพรรคร่วมรัฐบาล คือ พูดแล้วทำตามที่รับปากคือแก้รัฐธรรมนูญ ประชามติและยุบสภา ซึ่งพรรคยึดถือเพื่อรักษาคำมั่นและเป้าหมายใหญ่ ทั้งนี้จากการฟังสว.หลายคนคาดได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีก 15 วันข้างหน้า จะปล่อยอุปสรรค จากความเห็นต่างประเด็นเล็กน้อยทำลายเป้าหมายหรือไม่

“วิงวอนกับสส.ทุกพรรคและสว. ก่อนตัดสินใจ เป็นทางเลือกสำคัญ เลือกทางที่พูดเพื่อได้คะแนนนิยม หรือ เลือกทางที่มีบาดแผล แต่ทำให้ภาพใหญ่ประสบความสำเร็จ ผมยืนยันว่าไม่ได้พูดเพื่อเอาใจ สว.หรือกลัวคำขู่สว.ที่จะลงมติแบบใดในวาระสาม ที่พูดเพราะกังวลว่าเป้าหมายที่สร้างจะล้มเหลวและกลับบ้านมือเปล่า ทั้งนี้พรรคภูมิใจไทยอยากทำให้สำเร็จจึงเลือกทางเดินนี้เพื่อรักษาผลลัพท์ มากกว่าภาพลักษณ์ แม้จะเจ็บตัวบ้างแต่หากทำให้เป้าหมายสำเร็จก็ยินดี สิ่งที่อยากเห็นคือรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ทำได้จริง อยู่บนโลกความจริงไม่ใช่รัฐธรรมนูญในฝันหรืออุดมคติ” นายกรวีร์ อภิปราย 

"เท้ง" จี้ "อนุทิน" ยุบสภา 

ต่อมา เวลา 19.00 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายว่า การลงมติมาตรา 256/28 จะเป็นจุดตัดสำคัญว่า คำว่าพูดแล้วทำให้รัฐธรรมนูญนี้เป็นจริง เชื่อได้หรือไม่เพราะพรรคภูมิใจไทยคงสนับสนุนให้ใช้เสียงโหวต สว. 1 ใน 3 แก้รัฐธรรมนูญ เป็นสิ่งที่พรรคประชาชนยอมรับไม่ได้ ถ้าให้ใช้เสียง สว. 1 ใน 3 เป็นการกลับมติวิปรัฐบาล และมติกมธ.เสียงข้างมาก ถ้าผลโหวตเป็นเช่นนี้ก็ขอให้นายกฯ ยุบสภา ขอให้ชั่งน้ำหนักดีๆ ถ้ายังยืนยันโหวตเอาเสียง สว. 1 ใน 3 ก็เชื่อไม่ได้ว่า การโหวตรัฐธรรมนูญวาระ 3 จะเป็นจริง

ผลโหวตพลิกหนุนใช้เสียง สว. 1 ใน 3

จากนั้นที่ประชุมลงมติจะเห็นด้วยกับเนื้อหามาตรา 256/28 ที่ให้ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภาในการแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ผลปรากฏว่า ที่ประชุมลงมติไม่เห็นด้วยกับเนื้อหามาตรา 256/28 ด้วยคะแนน 312 ต่อ 290 เสียง งดออกเสียง 6 ทำให้การแก้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังคงต้องใช้เสียง สว. 1 ใน 3 ร่วมเห็นชอบอยู่ แต่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ขอให้นับคะแนนใหม่ ด้วยการขานชื่อลงคะแนน ตามข้อบังคับการประชุม ทำให้ต้องนับคะแนนใหม่ โดยการขานชื่อลงคะแนน

พรรคประชาชนเดินเกมล่าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
 
เมื่อเวลา 19.40 น.  ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศจากอาคารรัฐสภา ว่า ภายหลังจากที่โหวต มาตรา 256/28 ที่มติที่ประชุมรัฐสภา ไม่เห็นด้วยกับกมธ.เสียงข้างมาก ในการใช้เสียงกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภา เห็นชอบแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้กลับไปใช้เสียงสว.1ใน3 มีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีเสียงสส.พรรคภูมิใจไทย ไปร่วมโหวตพลิกมติกมธ.เสียงข้างมากด้วยนั้น ล่าสุด เวลา 20.00 น. ทางแกนนำพรรคปชน.ได้ตามตัว สส.พรรคปชน. ให้ไปร่วมลงชื่อเพื่อเสนอญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 แบบลงมติ ทันที


 


 

หน้าแรก » การเมือง