ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดชี้แจง
เรือล่มมิใช่เรือเคมีหรือสินค้าเป็นเรือจูงลาก

จากกรณีเรือลากจูงนารายณ์ 7 ของบริษัทไทยคอนแทนเนอร์โอเปอร์เรชั่น จำกัด ขนาด 66.85 ตันกรอสซึ่งเป็นเรือลากจูงประสบเหตุน้ำเข้าเรือและจมในทะเลเหตุเกิดเมื่อ เวลา 00.30 น.วันที่ 18 มี.ค.62 ที่ท่าเรือโกลว์เอสพีพี 3 ในเขตท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดนั้น

วันที่ 19 มี.ค. เวลา 09.30 น.ที่สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด น.ส.นลินี  กาญจนามัย ผอ.สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดเป็นประธานแถลงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เจ้าท่าระยอง เจ้าหน้าที่บริษัทโกลว์เอสพีพี3 บริษัทกู้เรือและนายไมตรี รอดพ้น ประธานวิสาหกิจชุมชนชมรมประมงเรือเล็กพื้นบ้าน อ.เมืองและ อ.บ้านฉาง ร่วมแถลงต่อสื่อมวลชนว่าเรือที่จมเป็นเรือลากจูงขนาด 66.85 ตันกรอส ความยาว 20.30 เมตร กินน้ำลึก 2.60 เมตร กำลังขับเคลื่อน 350 แรงม้าไม่ได้บรรทุกสารเคมีแต่อย่างใด

หลังจากเกิดเหตุได้เอาบูมล้อม2 ชั้นเก็บแผ่นฟิล์มบางๆผิวน้ำทะเลแล้ว ทางบริษัทได้ว่าจ้างM.S.Service เป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญการกู้ซากเรือจะส่งนักประดาน้ำมาทำการเก็บกู้ตั้งแต่เวลา 14.00 น. วันนี้จะใช้เวลา 48 ชม.ทำการกู้เรือใช้สลิงผูกเรือที่จมจะใช้เรือเครนยกตั้งขึ้นเพื่อให้เรือที่จมลอยขึ้นมาคาดว่าจะใช้เวลา 15 ชั่วโมงโดยประมาณภายในเรือมีน้ำมันดีเซลข้างในเรือที่จม 400 ลิตร สามารถให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว ไม่มีผู้บาดเจ็บ ไม่มีผู้เสียชีวิต จะประชุมทุกเช้าเพื่อรายงานความคืบหน้า ส่วนชาวบ้านใกล้เคียงทางบริษัทโกลว์กับเจ้าหน้าที่สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จะลงพื้นที่เยี่ยมเยียนชาวบ้าน  ส่วนค่าเสียหายยังไม่สามารถทราบได้อยู่ระหว่างการสำรวจประเมิน

นายไมตรี รอดพ้น ประธานวิสาหกิจชุมชนชมรมประมงเรือเล็กพื้นบ้าน อ.เมือง และ อ.บ้านฉาง กล่าวว่า ทางวิสาหกิจชุมชนของเรามี 8 กลุ่มให้มาเป็นตัวแทนเจรจาดูตกใจกับได้ยินข่าวล่าช้าของเจ้าหน้าที่เรือจมไปเป็นสิบชั่วโมงเพิ่งได้รับแจ้งนึกว่าเป็นเรือสินค้าหรือเคมีทางเราผู้จับอาหารทะเลได้กลัวได้รับผลกระทบแต่ก็เบาใจได้รับคำตอบว่าเป็นเรือลากจูงต่อไปก็ขอให้ออกข่าวได้รวดเร็วกว่านี้และเราก็จะขอมามีส่วนร่วมในการตรวจสอบด้วย.