วันที่ 7 มกราคม 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จากครอบครัวของนายดำและนางขาว (นามสมมุติ) ชาวบ้าน ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม ว่า ลูกสาววัย 16 ปี ชื่อ น.ส.แดง(นามสมมุติ) ถูกนายจ้างร้านขายสินค้ามือสอง ย่านถนนเฟื่องนคร เขตเทศบาลเมืองนครพนม ข่มขืนกระทำชำเราจนตั้งครรภ์ ก่อนจะบังคับให้ไปทำแท้ง จากนั้นก็หาเรื่องไล่ออกจากงาน เมื่อปลายปี 2562 แล้วกลับมาอยู่บ้านโดยมีอาการเศร้าซึมตลอดเวลา กระทั่งผู้เป็นแม่เห็นผิดสังเกตจึงคาดคั้นจนทราบเรื่อง จึงพากันไปแจ้งความต่อ พ.ต.ท.อภิชาต สุนีย์ สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เมื่อวันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา โดยพนักงานสอบสวนส่งเด็กสาวไปตรวจร่างกายหาร่องรอยการมีเพศสัมพันธ์ที่โรงพยาบาลนครพนม เพื่อนำมาประกอบเป็นหลักฐานดำเนินคดีต่อนายจ้างรายนี้

น้องแดงผู้เสียหายเปิดเผยว่า หลังเรียนจบชั้น ม.3 จากโรงเรียนใกล้บ้าน ก็มาเรียนต่อในระดับ ปวช.1 สาขาคอมพิวเตอร์บริหารธุรกิจ สถาบันเอกชนแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดนครพนม ด้วยฐานะทางบ้านยากจนตนจึงลงเรียนภาคสมทบ เพื่อเอาเวลาที่เหลือไปทำงานหาเงินเรียน เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระทางบ้าน กระทั่งพบเฟซบุ๊คของนายธง(นามสมมุติ) อายุ 42 ปี เป็นชาวจังหวัดสุพรรณบุรี มาเปิดร้านขายสินค้ามือสองจำพวกรองเท้า แถวถนนเฟื่องนคร ต้องการรับสมัครพนักงานขาย โดยให้ค่าแรงวันละ 300 บาท/วัน จึงไปสมัครและเริ่มงานทันที โดยพักอาศัยอยู่บ้านเช่าในหมู่บ้านอัมพร 3 ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม ร่วมกับนายจ้าง ที่มีสองห้องนอน ส่วนภรรยาเป็นพยาบาลอยู่จังหวัดร้อยเอ็ด นานๆ จะเดินทางมาหาสามีครั้ง โดยตนพักร่วมกับเพื่อนร้านเดียวกัน
   

ต่อมาเพื่อนที่ทำงานด้วยลาออกไป จึงเหลือตนอยู่คนเดียวในห้อง วันหนึ่งในเดือนกรกฎาคม 2562 หลังปิดร้านเวลาประมาณ 21.00 น. นายธงออกอุบายให้เข้าไปหาที่ห้อง อ้างว่ามีพนักงานยักยอกเงินขายสินค้าไปบ่อยๆ ให้ตนช่วยจับตาดูด้วย จากนั้นก็เดินไปล็อกห้องมานอนหนุนตักตน เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงขยับหนีลุกไปเปิดประตูเข้าไปนอนในห้อง รุ่งเช้านายธงตีหน้าซื่อมาขอโทษอ้างแค่ลองใจดูว่าจะดื้อเหมือนคนอื่นไหม

ผ่านไปประมาณ 10 วัน นายธงก็เรียกให้ไปหาในห้องอีก คราวนี้อ้างเรื่องการทำงานที่ขาดมาตรฐานของพนักงาน แต่ยังไม่ทันที่จะคุยนายธงฉวยโอกาสใช้กำลังข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง พร้อมขู่ห้ามนำเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟัง ไม่เช่นนั้นชีวิตครอบครัวอาจจะไม่ปลอดภัย แล้วก็เดินร้องเพลงอย่างผู้ชนะ ออกไปเที่ยวข้างนอกกลับมาอีกครั้งตอนรุ่งเช้า
    

ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ตนก็กลายเป็นที่บำบัดความใคร่ของนายธง หากมีโอกาสจะข่มขืนทุกครั้ง กระทั่งเดือนกันยายน 2562 มีอาการแปลกๆ เช่นกินข้าวไม่ค่อยได้ วิงเวียนศีรษะบ่อยๆ ด้วยความสงสัยจึงไปซื้ออุปกรณ์ตรวจการตั้งครรภ์ พบว่าเป็นสีแดง จึงไปบอกนายธงว่าตนเองท้อง นายธงสั่งให้รีบไปทำแท้งทันที ตนไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลนครพนม เพื่อขอให้ทำแท้ง แพทย์ไม่สามารถดำเนินการตามคำขอได้ แต่แนะนำให้ไปที่จังหวัดขอนแก่น ศูนย์อนามัยที่ 6 คลินิกเวชกรรมฯ ก็มีการตรวจสอบประวัติ นายธงกำชับห้ามบอกว่าชื่อเป็นพ่อเด็กเด็ดขาด ตนจึงโกหกไปว่ามีเพศสัมพันธ์กับเพื่อนชายที่เรียนด้วยกัน

แพทย์นัดทำแท้งเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยนายธงโอนเงินมาให้เป็นค่าใช้จ่าย 5,000 บาท ตนจึงนั่งรถโดยสารสายนครพนม-ขอนแก่น ไปทำแท้งเพียงลำพังคนเดียว หลังทำเสร็จก็นั่งรถโดยสารกลับในวันเดียวกัน รุ่งเช้าก็ไปทำงานตามปกติโดยไม่ได้พักผ่อน นายธงก็ไม่ถามไถ่อะไร ถึงสิ้นเดือนรับเงินค่าแรงพบว่านายธงลงบัญชีเงินที่ใช้ในการทำแท้งว่าตนเบิกไปใช้ส่วนตัว 5,000 บาท หลังจากนั้นก็เริ่มอะอะโวยวาย หาเรื่องให้ร้ายตนทุกวัน กระทั่งสั่งให้ออกจากงานเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2562 ตนจึงกลับมาอยู่บ้าน แม่เห็นผิดปกติจึงคั้นความจริงเลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังทั้งหมด จึงพากันมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนดังกล่าว
    

ต่อมานายธงนายจ้างบ้ากามรายนี้ หลังทราบว่าอดีตลูกจ้างไปแจ้งความก็พยายามวิ่งเรื่องขอปิดคดี คุยโวว่าเสียเงินแค่สองสามแสนก็จบแล้ว ขณะที่ พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม สั่งพนักงานสอบสวนปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา และคดีแบบนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน กำชับต้องรายงานความคืบหน้าให้ทราบ หากมีการซิกแซกจะจัดการทันที